ทักษิณ – ฮุน เซน เป็นญาติกันจริงไหม?

จากกระแสข่าววันนี้ เรื่องความสัมพันธ์ของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีไทย กับ สมเด็จฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ที่ถูกพูดถึงว่า “เป็นญาติดองกัน”

จากกระแสข่าววันนี้ เรื่องความสัมพันธ์ของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีไทย กับ สมเด็จฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ที่ถูกพูดถึงว่า “เป็นญาติดองกัน” จนหลายคนสงสัยว่าใครแต่งกับใคร และความสัมพันธ์นี้จริงหรือไม่ มาดูคำตอบชัด ๆ

ทักษิณ – ฮุน เซน เป็นพี่น้องร่วมสาบาน ไม่ใช่ญาติดองโดยตรง

ข้อมูลจากหลายสำนักข่าวยืนยันตรงกันว่า ทักษิณ กับ ฮุน เซน มีความสนิทสนมในฐานะ “พี่น้องร่วมสาบาน” (Godbrothers) ตั้งแต่สมัยที่ทักษิณยังเป็นนักธุรกิจ ก่อนเข้าสู่เส้นทางการเมือง ความสัมพันธ์ส่วนตัวนี้แน่นแฟ้นยาวนาน แม้ช่วงที่ทักษิณลี้ภัยการเมือง ก็ยังได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากฮุน เซนเสมอ

ต้นตอข่าว “ญาติดอง” มาจากการแต่งงานของลูกหลานผู้ใกล้ชิด

เหตุที่หลายคนเข้าใจว่าทั้งสองเป็นญาติดอง มาจากการแต่งงานในปี 2556 ระหว่าง

  • ชยาภา วงศ์สวัสดิ์: บุตรสาวของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ กับนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ (เยาวภาเป็นน้องสาวทักษิณ)
  • นัม ลีนัล: บุตรชายของนักการเมืองกัมพูชาที่ใกล้ชิดฮุน เซน (ไม่ใช่บุตรชายของฮุน เซนโดยตรง)

แม้จะมีการเชื่อมโยงทางเครือญาติผ่านการแต่งงานนี้ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ทักษิณกับฮุน เซนเป็นญาติดองกันในเชิงตรงตามสายเลือดหรือกฎหมาย

สรุปชัด ๆ

  • ทักษิณ กับ ฮุน เซน ไม่ได้เป็นญาติดองกันโดยตรง
  • ความสัมพันธ์ของทั้งสองอยู่ในระดับมิตรภาพส่วนตัวและความร่วมมือทางการเมืองมายาวนาน
  • ข่าวลือเรื่องญาติดองเกิดจากความเข้าใจคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับงานแต่งงานของลูกหลานผู้ใกล้ชิดเท่านั้น

เตือนภัย! ฝนตกหนักทั่วไทย – คลื่นทะเลอันดามันสูงเกิน 2 เมตร

กรมอุตุนิยมวิทยา เตือนประชาชนเตรียมรับมือ ฝนตกหนักบางแห่ง ทั่วประเทศไทย พร้อมเฝ้าระวังสภาพทะเลที่มีคลื่นสูงในทะเลอันดามัน

สถานการณ์อากาศวันนี้ (4 มิถุนายน 2568)

กรมอุตุนิยมวิทยา เตือนประชาชนเตรียมรับมือ ฝนตกหนักบางแห่ง ทั่วประเทศไทย พร้อมเฝ้าระวังสภาพทะเลที่มีคลื่นสูงในทะเลอันดามัน

สาเหตุสภาพอากาศไม่แน่นอน

ระบบอากาศที่ส่งผลกระทบ

  • มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ กำลังปานกลาง พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย
  • หย่อมความกดอากาศต่ำ ปกคลุมชายฝั่งเวียดนามตอนบน

เตือนภัยทะเลอันดามัน – ระดับอันตราย

สภาพคลื่นลมที่ต้องระวัง

  • ทะเลอันดามันตอนบน: คลื่นสูงประมาณ 2 เมตร
  • บริเวณฝนฟ้าคะนอง: คลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

คำเตือนสำหรับชาวเรือ

  • เรือเล็ก: งดออกจากฝั่งในทะเลอันดามัน
  • เรือขนาดใหญ่: เดินเรือด้วยความระมัดระวัง
  • หลีกเลี่ยง: การเดินเรือในบริเวณฝนฟ้าคะนอง

พยากรณ์อากาศแต่ละภาค

ภาคเหนือ – ฝนตกหนักหลายจังหวัด

  • โอกาสฝน: 60% ของพื้นที่
  • ฝนตกหนัก: แม่ฮ่องสอน, เชียงใหม่, เชียงราย, กำแพงเพชร, สุโขทัย, ตาก, พิษณุโลก
  • อุณหภูมิ: 23-25°C (ต่ำสุด) / 31-35°C (สูงสุด)

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ – ฝนกระจายตัว

  • โอกาสฝน: 40% ของพื้นที่
  • ฝนตกหนัก: มุกดาหาร, ยโสธร, ร้อยเอ็ด, อำนาจเจริญ, สุรินทร์, ศรีสะเกษ, อุบลราชธานี
  • อุณหภูมิ: 24-26°C (ต่ำสุด) / 33-35°C (สูงสุด)

ภาคกลาง – ฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่

  • โอกาสฝน: 40% ของพื้นที่
  • พื้นที่เสี่ยง: อุทัยธานี, สระบุรี, พระนครศรีอยุธยา, กาญจนบุรี, ราชบุรี
  • อุณหภูมิ: 25-27°C (ต่ำสุด) / 34-35°C (สูงสุด)

ภาคตะวันออก – ฝนตกหนักหลายพื้นที่

  • โอกาสฝน: 60% ของพื้นที่
  • ฝนตกหนัก: นครนายก, ปราจีนบุรี, สระแก้ว, ชลบุรี, ระยอง, จันทบุรี, ตราด
  • คลื่นทะเล: ประมาณ 1 เมตร (ฝนฟ้าคะนอง มากกว่า 2 เมตร)

ภาคใต้ฝั่งตะวันออก – ฝนเบาถึงปานกลาง

  • โอกาสฝน: 40% ของพื้นที่
  • พื้นที่เสี่ยง: เพชรบุรี, ประจวบคีรีขันธ์, ชุมพร, สุราษฎร์ธานี, นครศรีธรรมราช, ยะลา, นราธิวาส
  • คลื่นทะเล: ประมาณ 1 เมตร

ภาคใต้ฝั่งตะวันตก – พื้นที่เสี่ยงสูง

  • โอกาสฝน: 60% ของพื้นที่
  • ฝนตกหนัก: ระนอง, พังงา, ภูเก็ต
  • คลื่นทะเล:
    • จังหวัดพังงาขึ้นไป: ประมาณ 2 เมตร
    • จังหวัดภูเก็ตลงมา: 1-2 เมตร

กรุงเทพฯ และปริมณฑล – ฝนตกหนักบางพื้นที่

  • โอกาสฝน: 60% ของพื้นที่
  • ฝนตกหนัก: บางแห่ง
  • อุณหภูมิ: 26-28°C (ต่ำสุด) / 33-35°C (สูงสุด)

คำแนะนำสำหรับประชาชน

มาตรการป้องกันตัว

  1. หลีกเลี่ยง: การเดินทางในพื้นที่เสี่ยงฝนตกหนัก
  2. เตรียมพร้อม: อุปกรณ์ป้องกันน้ำท่วม
  3. ติดตาม: ข่าวสารสภาพอากาศอย่างสม่ำเสมอ
  4. ระวัง: ต้นไม้โค่นล้ม ป้ายโฆษณาหล่น

สำหรับชาวประมง

  • งดออกเรือในทะเลอันดามัน
  • เฝ้าระวังสภาพคลื่นลมอย่างใกล้ชิด
  • ติดต่อสื่อสารกับฝั่งเป็นระยะ

กรมชลฯ เตือนประชาชนริมแม่น้ำเจ้าพระยา-แม่น้ำน้อยเฝ้าระวัง

กรมชลประทานแจ้งเพิ่มอัตราการระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาเป็น 700 ลบ.ม./วินาที เตือนประชาชน จ.อ่างทอง และ จ.พระนครศรีอยุธยา เฝ้าระวังระดับน้ำสูงขึ้นใกล้ชิด

กรมชลฯ ประกาศเพิ่มอัตราการระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยา

กรมชลประทาน โดยศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (SWOC) รายงานสถานการณ์น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ล่าสุดเช้าวันที่ 27 พฤษภาคม 2568 ระบุว่า สถานีวัดน้ำ C.2 อ.เมืองนครสวรรค์ จ.นครสวรรค์ มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 1,053 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยระดับน้ำยังต่ำกว่าตลิ่งอยู่ 5.65 เมตร ขณะเดียวกัน ได้ควบคุมการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยา สถานี C.13 อ.สรรพยา จ.ชัยนาท ในอัตรา 600 ลบ.ม./วินาที เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์น้ำฝนและน้ำท่าในปัจจุบัน

เตือนประชาชนเฝ้าระวัง หลังเพิ่มระบายน้ำเป็น 700 ลบ.ม./วินาที

อย่างไรก็ตาม เพื่อรับมือกับปริมาณน้ำที่เพิ่มขึ้น กรมชลประทานได้ประกาศทยอยปรับเพิ่มการระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ตั้งแต่เวลา 09:00 น. วันที่ 27 พฤษภาคม 2568 เป็นต้นไป จากเดิม 600 ลบ.ม./วินาที เป็น 700 ลบ.ม./วินาที ส่งผลให้ระดับน้ำบริเวณนอกคันกั้นน้ำในพื้นที่คลองโผงเผง จ.อ่างทอง คลองบางบาล ชุมชนแม่น้ำน้อย (ต.หัวเวียง อ.เสนา) และบริเวณ ต.ลาดชิด ต.ท่าดินแดง อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา จะเพิ่มสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

สถานการณ์น้ำใน 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา

ปัจจุบันปริมาณน้ำใน 4 เขื่อนหลักของลุ่มน้ำเจ้าพระยา ได้แก่ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีปริมาณน้ำรวมกันประมาณ 12,789 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 51 ของความจุอ่างทั้งหมด โดยขณะนี้ยังสามารถรองรับน้ำเพิ่มได้อีกกว่า 12,082 ล้าน ลบ.ม.

ทั้งนี้ กรมชลประทานยังคงติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด พร้อมแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำน้อยให้ติดตามข้อมูลและเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์น้ำที่อาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา

กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทยฝนตกหนัก 23–27 พ.ค. เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน-น้ำป่าไหลหลาก

ประเทศไทยกำลังจะเข้าสู่ช่วงฝนตกหนักต่อเนื่องระหว่างวันที่ 23–27 พฤษภาคม 2568 จากอิทธิพลของมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่กำลังแรงขึ้น และร่องมรสุมพาดผ่านประเทศไทยตอนบน

กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศเตือนภัยล่าสุด ระบุว่า ประเทศไทยกำลังจะเข้าสู่ช่วงฝนตกหนักต่อเนื่องระหว่างวันที่ 23–27 พฤษภาคม 2568 จากอิทธิพลของมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่กำลังแรงขึ้น และร่องมรสุมพาดผ่านประเทศไทยตอนบน ซึ่งจะทำให้หลายพื้นที่ทั่วประเทศต้องเตรียมพร้อมรับมือฝนตกหนักถึงหนักมาก


พื้นที่เสี่ยงที่ต้องระวัง

  • ภาคเหนือ: เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง ตาก กำแพงเพชร สุโขทัย
  • ภาคอีสาน: หนองคาย อุดรฯ ขอนแก่น นครราชสีมา ร้อยเอ็ด บุรีรัมย์
  • ภาคกลาง: กาญจนบุรี ราชบุรี ลพบุรี สระบุรี นครสวรรค์
  • ภาคตะวันออก: ชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา จันทบุรี
  • ภาคใต้: สุราษฎร์ฯ นครศรีฯ สงขลา ภูเก็ต ตรัง กระบี่

ความเสี่ยงและคำแนะนำ

  • น้ำท่วมฉับพลัน-น้ำป่าไหลหลาก: เสี่ยงในพื้นที่ ลาดเชิงเขา-ลุ่มต่ำ ใกล้แม่น้ำหรือทางน้ำไหล
  • ฝนตกสะสม: อาจส่งผลต่อการระบายน้ำ โดยเฉพาะในเขตเมืองหรือพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก
  • ชาวเรือและประมง: คลื่นลมในทะเลอันดามันและอ่าวไทย แม้กำลังอ่อน แต่บริเวณที่มีพายุฝนฟ้าคะนอง คลื่นอาจสูง เกิน 2 เมตร
  • เกษตรกร: ควรเสริมความแข็งแรงให้ไม้ผลและป้องกันผลผลิตทางเกษตรที่อาจเสียหายจากฝนตกหนัก

สรุปพยากรณ์ฝน 22 พ.ค. – ล่วงหน้า

  • กรุงเทพฯ และปริมณฑล: ฝนตกหนัก 60% ของพื้นที่ อุณหภูมิสูงสุด 36°C
  • ภาคเหนือ-อีสาน-กลาง: ฝนตก 60–70% มีลมแรงบางจุด
  • ภาคตะวันออกและภาคใต้: ฝนตกหนัก 60% ขึ้นไป โดยเฉพาะจังหวัดริมชายฝั่ง

ข้อควรปฏิบัติ

  • ติดตามพยากรณ์อากาศทุกวัน
  • งดเดินทางในเส้นทางที่เสี่ยงน้ำท่วม/ดินถล่ม
  • เก็บของขึ้นที่สูง ป้องกันความเสียหาย
  • เตรียมเสื้อกันฝน/ไฟฉาย/แบตสำรอง หากอยู่ในพื้นที่เสี่ยง

สภาพอากาศวันนี้ 14 พ.ค. 2568

พยากรณ์อากาศวันนี้ 14 พ.ค. 2568 — ฝนถล่ม 46 จังหวัด! กทม.โดนเต็มๆ ฝนตกหนัก 70% ของพื้นที่

พยากรณ์อากาศวันนี้ 14 พ.ค. 2568 — ฝนถล่ม 46 จังหวัด! กทม.โดนเต็มๆ ฝนตกหนัก 70% ของพื้นที่

กรมอุตุนิยมวิทยาออกประกาศเตือนฝนตกหนักหลายพื้นที่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะกรุงเทพฯ และภาคใต้ที่ต้องรับมือกับฝนฟ้าคะนองและฝนตกหนักถึง 70% ของพื้นที่ เสี่ยงน้ำท่วมขังและน้ำป่าไหลหลากในจุดลุ่มต่ำและพื้นที่ลาดเชิงเขา


พื้นที่ที่ต้องระวังวันนี้

  • กรุงเทพฯ และปริมณฑล: ฝนตกหนัก 70% ของพื้นที่
  • ภาคกลาง: อยุธยา ราชบุรี นครปฐม สุพรรณบุรี สมุทรสาคร
  • ภาคตะวันออก: ชลบุรี ระยอง จันทบุรี
  • ภาคใต้ฝั่งตะวันตกและตะวันออก: ฝนถล่มหลายจังหวัด เช่น ภูเก็ต กระบี่ ชุมพร สุราษฎร์ฯ
  • ภาคเหนือ-อีสาน: แม่ฮ่องสอน ตาก ชัยภูมิ ขอนแก่น อุบลฯ ฯลฯ

คำแนะนำจากกรมอุตุฯ

  • หลีกเลี่ยงการอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ป้ายโฆษณา หรือสิ่งปลูกสร้างไม่มั่นคง
  • ชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันควร ระวังคลื่นสูง 1-2 เมตร (มากกว่า 2 เมตรเมื่อมีฝนฟ้าคะนอง)
  • เกษตรกรควรรีบป้องกันความเสียหายต่อพืชผลและสัตว์เลี้ยง
  • หลีกเลี่ยงการเดินทางผ่านเส้นทางน้ำท่วมซ้ำซาก

คาดการณ์ฝนในกรุงเทพฯ

  • ฝนตกหนัก 70% ของพื้นที่
  • อุณหภูมิสูงสุดวันนี้: 32–33 องศาเซลเซียส
  • ลมใต้พัดแรง 10–20 กม./ชม.

แม้จะยังอยู่ในช่วงฤดูร้อน แต่ฝนเริ่มมาเยือนอย่างจริงจังแล้วในหลายพื้นที่ ผู้ที่มีแพลนเดินทางในวันนี้อย่าลืม ตรวจสอบสภาพอากาศก่อนออกจากบ้าน และ พกร่มหรือเสื้อกันฝน ติดตัวไว้ตลอดวัน เพื่อความปลอดภัยและไม่ต้องเปียกฝนระหว่างวัน!

“สึ่งตึง” แปลว่าอะไร? แล้ว “คนสึ่งตึง” เป็นคำด่าหรือไม่

ถ้าเจอคำว่า “สึ่งตึง” ในภาษาเหนือ แล้วกำลังงงว่าหมายถึงอะไร วันนี้เรามีคำตอบแบบเข้าใจง่าย ๆ มาเล่าให้ฟังเหมือนเพื่อนเล่าให้เพื่อนฟัง

ถ้าเจอคำว่า สึ่งตึง ในภาษาเหนือ แล้วกำลังงงว่าหมายถึงอะไร วันนี้เรามีคำตอบแบบเข้าใจง่าย ๆ มาเล่าให้ฟังเหมือนเพื่อนเล่าให้เพื่อนฟัง

ความหมายของ “สึ่ง” และ “สึ่งตึง”

  • “สึ่ง” = โง่, เปิ่น, เซ่อซ่า
  • “สึ่งตึง” = โง่เง่าอย่างเต็มขั้น, ซื่อบื้อไปเลย, ทำตัวงุ่มง่ามไร้ไหวพริบ

ดังนั้นเวลาได้ยินว่า “คนสึ่งตึง” หมายถึงคนที่ดูเปิ่น ๆ บื้อ ๆ แต่ ไม่ถึงขั้นด่าหยาบแรง ว่าเป็นคนปัญญาอ่อนนะ ออกแนวพูดเหน็บแนมขำ ๆ หรือบ่นแบบเอ็นดูมากกว่าจะเจตนาว่าร้ายรุนแรง

แล้ว “คนสึ่งตึง” เป็นคำด่ามั้ย?

ถือเป็นคำด่าเบา ๆ หรือคำเหน็บแนมในภาษาพูด มากกว่าด่ารุนแรง
พูดง่าย ๆ คือเหมือนเรียกคนที่ทำตัวเปิ่น ๆ เซ่อ ๆ ขาดสติ หรือไหวพริบ ไม่ทันเกมชีวิต เช่น

  • เดินสะดุดล้มในที่ราบเรียบ
  • ถูกหลอกง่าย ๆ แบบไม่รู้ตัว
  • ใช้แรงทำอะไรมากกว่าสติจนเกิดเรื่อง

ไม่ได้หมายถึงคนไม่ฉลาดโดยกำเนิด แต่เปรียบเปรยพฤติกรรมหรือการกระทำในจังหวะนั้น ๆ

ตัวอย่างเรื่องเล่า-บทเพลงเกี่ยวกับ “สึ่งตึง”

  • อดีตมีคนภาคกลางไปทำงานที่ภาคเหนือ พอถามว่าคำว่า “สึ่งตึง” หมายถึงอะไร ชาวเมืองก็หลอกว่าหมายถึง “งาม” หรือ “สวย” ทำให้เธอดีใจใหญ่ ก่อนจะรู้ความจริงทีหลัง ว่าแปลว่า “โง่เง่า” นั่นเอง
  • มีเพลงพื้นเมืองล้านนา “คนสึ่งตึง” ที่ร้องล้อเลียนตัวเอง ว่าเกิดมาเป็นคนสึ่งตึง มีสองสลึงป๋าย (คือไม่เต็มบาท) กินอะไรคนอื่นว่ามีวิตามินก็กินหมด ไม่ได้คิดวิเคราะห์เลย

คำแซวเพิ่มเติม “สึ่งตึงรึงราด”

“สึ่งตึงรึงราด” (อ่านว่า สึ่ง-ตึง-ฮึง-ฮาด) ใช้ประชดหนักขึ้น หมายถึงคนที่ไม่เพียงแต่โง่บื้อ แต่ยังทำอะไรโครมคราม รุนแรง วุ่นวายโดยไม่ใช้สมอง เช่น ทำของพังตอนย้ายบ้าน, ใช้แรงเกินเหตุ

สรุปสั้น ๆ

คำศัพท์ความหมายความแรง
สึ่งโง่ เซ่อซ่าเบา
สึ่งตึงโง่เง่า ซื่อบื้อปานกลาง
สึ่งตึงรึงราดโง่เง่า + ทำตัววุ่นวาย ใช้แรงเกินเหตุประชดแรง

สรุป: “คนสึ่งตึง” เป็นคำแซวหรือเหน็บเบา ๆ มากกว่าจะเป็นคำด่าแรง ๆ แต่ถ้าโดนใช้ในน้ำเสียงประชดประชันก็อาจรู้สึกเจ็บจี๊ดได้เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับ “น้ำเสียง” และ “สถานการณ์” ที่ใช้!

แฟนคลับเศร้า “ปุยฝ้าย” ดาว TikTok เสียชีวิตกะทันหันจากอุบัติเหตุ

“ปุยฝ้าย” เจ้าของช่อง TikTok @sawasmr อินฟลูเอนเซอร์สายกินชื่อดัง เสียชีวิตอย่างกะทันหันจากอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์คว่ำ บริเวณถนนศรีนครินทร์ ขาออก

เป็นข่าวเศร้าที่สร้างความสะเทือนใจให้กับโลกโซเชียล เมื่อ ปุยฝ้ายเจ้าของช่อง TikTok @sawasmr อินฟลูเอนเซอร์สายกินชื่อดัง เสียชีวิตอย่างกะทันหันจากอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์คว่ำ บริเวณถนนศรีนครินทร์ ขาออก ก่อนถึงอุโมงค์ศรีอุดม เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 20 เมษายน 2568 เวลาประมาณ 18.45 น.


รายละเอียดอุบัติเหตุ ปุยฝ้าย เสียชีวิตในวัย 43 ปี

ผู้เสียชีวิตคือ นางสาวศริษา หรือที่รู้จักกันในชื่อ “ปุยฝ้าย” วัย 43 ปี ขับขี่รถจักรยานยนต์สีดำ ทะเบียน กทม. โดยพยานที่เห็นเหตุการณ์เล่าว่า รถของปุยฝ้ายอาจเหยียบถังพลาสติกที่ตกอยู่บนถนน ทำให้เสียหลักล้มลงอย่างรุนแรง เจ้าหน้าที่กู้ชีพได้ปั๊มหัวใจ (CPR) ในจุดเกิดเหตุ ก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาล แต่สุดท้ายเธอเสียชีวิตในเวลาต่อมา

กล้องวงจรปิดในบริเวณนั้นอยู่ระหว่างการตรวจสอบ เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง รวมถึงตรวจสอบว่าเกี่ยวข้องกับรถคันอื่นหรือไม่


 โลกออนไลน์ร่วมไว้อาลัย – จากไปอย่างไม่มีวันกลับ

ข่าวการเสียชีวิตของ “ปุยฝ้าย” สร้างความตกใจให้กับแฟนคลับทั่วประเทศ โดยเฉพาะผู้ติดตามบน TikTok กว่า 1.2 ล้านคน ที่คุ้นเคยกับเสียงกินอันเป็นเอกลักษณ์ของเธอ และรอยยิ้มอันอบอุ่นที่ถ่ายทอดความสุขผ่านการกินอาหารแต่ละคลิป

เธอไม่ได้เป็นเพียง “ครีเอเตอร์สายกิน” แต่ยังเป็น แหล่งพลังบวกของผู้ชม ด้วยบุคลิกที่เป็นกันเอง และพลังชีวิตอันสดใสที่ส่งผ่านหน้าจออย่างเป็นธรรมชาติ


ปุยฝ้าย จากไปอย่างไม่มีสัญญาณเตือน – แต่ยังคงอยู่ในความทรงจำ

การจากไปของ “ปุยฝ้าย” เตือนให้ทุกคนระลึกถึงความไม่แน่นอนของชีวิต และทิ้งไว้เพียงความทรงจำดี ๆ ที่แฟนคลับหลายคนจะไม่มีวันลืม

หนุ่มวัย 26 แชร์ประสบการณ์ป่วยไตวาย เตือนสติคนรุ่นใหม่อย่าละเลย 2 พฤติกรรมเสี่ยง

Nguyễn Trần Hoàng หนุ่มชาวเวียดนามวัยเพียง 26 ปี ที่กลายเป็นผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังระยะสุดท้าย สร้างแรงกระเพื่อมในโซเชียลอย่างมาก หลังเขาออกมาแชร์ชีวิตจริงผ่าน TikTok ในนาม “Hoàng Nguyễn Chạy Thận” เพื่อเตือนให้คนรุ่นใหม่หันมาใส่ใจสุขภาพ ก่อนจะสายเกินแก้

เรื่องราวสุดสะเทือนใจของ Nguyễn Trần Hoàng หนุ่มชาวเวียดนามวัยเพียง 26 ปี ที่กลายเป็นผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังระยะสุดท้าย สร้างแรงกระเพื่อมในโซเชียลอย่างมาก หลังเขาออกมาแชร์ชีวิตจริงผ่าน TikTok ในนาม “Hoàng Nguyễn Chạy Thận” เพื่อเตือนให้คนรุ่นใหม่หันมาใส่ใจสุขภาพ ก่อนจะสายเกินแก้


จากวัยรุ่นไฟแรง สู่ผู้ป่วยไตระยะสุดท้าย

Nguyễn เริ่มทำงานออนไลน์ตั้งแต่อายุ 16 ปี เขาทำงานหนักเพื่อเป็นเสาหลักให้ครอบครัวที่มีแม่ ภรรยา และลูกสาวตัวน้อย ซึ่งกลายเป็นแรงผลักดันสำคัญในชีวิตของเขา

แม้จะประสบความสำเร็จในงาน แต่เขายอมรับว่า “ละเลยสุขภาพตัวเองมาตลอด” โดยเฉพาะ 2 พฤติกรรมเสี่ยงที่กลายเป็นจุดเปลี่ยนชีวิต คือ

  1. นอนดึกเป็นประจำ – ทำงานจนเกินเที่ยงคืนทุกวัน ร่างกายไม่ได้พักผ่อน
  2. กินอาหารขยะ-น้ำอัดลม – ดื่มหวานจัดและรับประทานของทอดของมันบ่อยครั้ง

อาการเตือนมาแบบเงียบๆ ก่อนร่างกายพัง

กลางปี 2024 เขาเริ่มมีอาการไม่ปกติ เช่น ปวดหัว คลื่นไส้ เบื่ออาหาร และน้ำหนักลด แต่คิดว่าเป็นผลจากงานหนัก จนเดือนสิงหาคม 2024 อาการรุนแรงขึ้นจึงไปพบแพทย์ และถูกวินิจฉัยว่าเป็น โรคไตเรื้อรังระยะสุดท้าย

คำวินิจฉัยนั้นเปลี่ยนชีวิตเขาในพริบตา เพราะต้องฟอกไตตลอดชีวิตหรือรอปลูกถ่ายไตเท่านั้น ซึ่งเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและมีค่าใช้จ่ายสูง


จากความสิ้นหวัง สู่แรงบันดาลใจให้ใครอีกหลายคน

ช่วงแรกหลังทราบข่าว เขาเครียดจนเกือบคิดสั้น แต่ด้วยกำลังใจจากภรรยาและลูกสาว เขาตัดสินใจสู้ต่อ และเริ่มเล่าเรื่องของตัวเองผ่าน TikTok เพื่อเตือนสติและขอความช่วยเหลือ จนมีคนเข้ามาให้การสนับสนุนและระดมทุนจนสามารถเดินเรื่องการปลูกถ่ายไตได้

ปัจจุบันเขาต้องฟอกไตสัปดาห์ละ 2 ครั้ง และยังคงทำคอนเทนต์ออนไลน์พร้อมแบ่งปันข้อคิดเกี่ยวกับการใช้ชีวิต


ข้อคิดที่อยากฝากไว้

“อย่ารอให้ร่างกายพัง ถึงจะหันมาใส่ใจสุขภาพ” – Nguyễn Trần Hoàng

เขาย้ำว่า การนอนให้พอ ดื่มน้ำเปล่ามากๆ เลี่ยงน้ำอัดลม และอาหารขยะ คือสิ่งเล็กๆ ที่สามารถ ปกป้องไตของเราได้จริง

เรื่องราวของ Nguyễn ไม่เพียงแต่เป็นบทเรียนชีวิตเท่านั้น แต่ยังสะท้อนความจริงของคนรุ่นใหม่ที่หลงทางในความเร่งรีบและความเครียด จนลืมดูแล “ต้นทุนที่สำคัญที่สุด” ของชีวิต… นั่นคือ สุขภาพ

อ่านเพิ่มเติม https://www.sanook.com/news/9778266/

สตง. เสียใจ เหตุตึกถล่ม จากแผ่นดินไหว ยืนยันก่อสร้างตามกฎหมาย โปร่งใส

อาคารที่ทำการแห่งใหม่ของ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) บริเวณถนนกำแพงเพชร 2 เขตจตุจักร กรุงเทพฯ พังถล่มหลังเกิดแผ่นดินไหว ส่งผลให้มี ผู้เสียชีวิต บาดเจ็บ และสูญหายจำนวนมาก

จากเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ซึ่งอาคารที่ทำการแห่งใหม่ของ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) บริเวณถนนกำแพงเพชร 2 เขตจตุจักร กรุงเทพฯ พังถล่มหลังเกิดแผ่นดินไหว ส่งผลให้มี ผู้เสียชีวิต บาดเจ็บ และสูญหายจำนวนมาก ล่าสุด สตง. ได้ออกแถลงการณ์แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง พร้อมเร่งตรวจสอบสาเหตุอย่างละเอียดดี–ซีอาร์อีซี เป็นผู้รับเหมา วงเงิน 2,136 ล้านบาท

สตง. ย้ำว่า การออกแบบและก่อสร้างยึดตามกฎหมายควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 และมาตรฐานทางวิศวกรรม รวมถึง คำนึงถึงความมั่นคง แข็งแรง และรองรับแรงแผ่นดินไหว ตามหลักการวิศวกรรมโครงสร้างที่ทันสมัย โดยปฏิเสธชัดเจนว่าข่าวลือที่ว่า มีการปรับลดขนาดเสาหรือแก้ไขแบบโครงสร้างเพื่อประหยัดงบ นั้น “ไม่เป็นความจริง”


โปร่งใส ตรวจสอบได้ – เดินหน้าช่วยเหลือผู้ประสบภัย

ภายหลังเกิดเหตุ สตง. ได้ตั้งศูนย์ประสานงานในพื้นที่เพื่อบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน พร้อม ให้ความช่วยเหลือเร่งด่วนแก่ผู้ประสบภัย และครอบครัวผู้ได้รับผลกระทบ

ขณะเดียวกัน สตง. ยืนยันว่า กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างและก่อสร้างดำเนินการอย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้ ตาม พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 และ ได้ลงนามข้อตกลงคุณธรรมกับองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) เพื่อป้องกันการทุจริตทุกขั้นตอน


เดินหน้าหาสาเหตุ – แถลงความคืบหน้าโดยเร็ว

สตง. ระบุว่าขณะนี้กำลังเร่งตรวจสอบหาสาเหตุของเหตุการณ์พังถล่มอย่างละเอียด โดยจะ แถลงข้อเท็จจริงให้ประชาชนรับทราบโดยเร็วที่สุด และเน้นย้ำว่าการก่อสร้างครั้งนี้เป็นไปเพื่อประโยชน์ของประชาชนและระบบราชการไทย โดยยึดมั่นในหลักธรรมาภิบาล โปร่งใส และตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน

โศกนาฏกรรมนี้กลายเป็นบททดสอบความเชื่อมั่นต่อระบบการก่อสร้างของภาครัฐ สตง. ขอโอกาสพิสูจน์ความจริง และยืนยันพร้อมรับผิดชอบทุกด้านเพื่อคืนความมั่นใจให้สังคม

ไฟใต้ลุก สุไหงโกลก นราธิวาส คนร้าย 20 ราย บุกโจมตี

เกิดเหตุการณ์ กลุ่มคนร้ายไม่ต่ำกว่า 20 ราย สวมชุดดำคลุมหน้า ใช้อาวุธครบมือบุกโจมตีป้อม อส. หน้าที่ว่าการอำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส พร้อมก่อเหตุระเบิดหลายจุดทั่วเมือง

วันที่ 8 มีนาคม 2568 เวลา 19.09 น. เกิดเหตุการณ์ กลุ่มคนร้ายไม่ต่ำกว่า 20 ราย สวมชุดดำคลุมหน้า ใช้อาวุธครบมือบุกโจมตีป้อม อส. หน้าที่ว่าการอำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส พร้อมก่อเหตุระเบิดหลายจุดทั่วเมือง

เปิดฉากยิงถล่ม – คาร์บอมบ์ซ้ำ อส.พลีชีพ 2 นาย บาดเจ็บ 8

กลุ่มคนร้ายใช้รถกระบะ อีซูซุ ดีแมคซ์ สีบรอนซ์เงิน และ รถเก๋งสีบรอนซ์เงิน ขับมาถึงจุดเกิดเหตุ ก่อนจะลงมือ ยิงถล่มใส่เจ้าหน้าที่ อส. ที่ประจำป้อมยาม และอาคารบริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอสุไหงโก-ลก

จากนั้น คนร้ายได้จุดชนวนคาร์บอมบ์ที่จอดไว้ใกล้ป้อมยาม ส่งผลให้ อส.เสียชีวิต 2 นาย ได้แก่

  1. มญ.มูฮำหมัดซาบรี นะสะวัน (ชป.พิเศษมือหนึ่ง)
  2. อส.ทศพล พายพิมพ์ (ชป.พิเศษ)

และ อส.บาดเจ็บ 8 นาย (สาหัส 3 นาย) ได้แก่

  1. อส.ณรงค์ชัย รัดรึงสุนทรี
  2. อส.มัสรัน อารง
  3. อส.อีซูวัน บินมะมิง
  4. อส.มะดารี ตาเยะ
  5. อส.อภิชัย บุตรจีน
  6. อส.ซุลกิฟลี วาจิ
  7. อส.ธวัชชัย ไชยศรี
  8. อส.กำทร วงศ์นคร

ก่อเหตุระเบิดอีก 3 จุด กราดยิงชาวบ้านเจ็บ 4 ราย

หลังจากโจมตีป้อม อส. คนร้ายยัง ลอบวางระเบิดอีก 3 จุดในเมืองสุไหงโก-ลก ได้แก่

  • จุดที่ 2 : ระเบิดถังดับเพลิง ถนนพาดทางรถไฟ หลังโรงเรียนบุณยลาภ (ไม่มีผู้บาดเจ็บ)
  • จุดที่ 3 : ระเบิดถังแก๊ส ถนนหน้าห้าง Big C สุไหงโก-ลก ชุมชนโต๊ะลือเบ (ไม่มีผู้บาดเจ็บ)
  • จุดที่ 4 : ระเบิด เกาะกลางถนนเลียบรางรถไฟ หลังสนามกีฬามหาราช (ไม่มีผู้บาดเจ็บ)

นอกจากนี้ คนร้ายยัง เปิดฉากกราดยิงชาวบ้านบริเวณหน้าวัดท่านแดง ทำให้มีผู้บาดเจ็บ 4 ราย ได้แก่

  1. นายจิรภัทร
  2. นางรัชนีวรรณ
  3. นายสงการนต์
  4. นางยูในด๊ะ

ขณะที่ อำเภอสุไหงปาดี เกิดเหตุระเบิด เสาไฟฟ้า 2 ต้น บริเวณหัวสะพานตลิ่งสูง ใกล้โรงเรียนบ้านตลิ่งสูง ตำบลสุไหงปาดี แต่ไม่มีผู้บาดเจ็บ

แม่ทัพภาค 4 สั่งปิดเมือง 100% – ล่าตัวกลุ่มคนร้าย

พลโท ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 และ ผอ.รมน.ภาค 4 ได้สั่งการให้ เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายปิดเมืองสุไหงโก-ลกทันที พร้อมตั้งด่าน 100% ทุกจุด และให้ชุดป้องกันชายแดน สังเกตกลุ่มต้องสงสัยที่อาจพยายามหลบหนีข้ามแดนไปประเทศเพื่อนบ้าน

ขณะนี้ หน่วยความมั่นคงกำลังเร่งไล่ล่าคนร้าย ที่ก่อเหตุโจมตีหลายจุด พร้อมตรวจสอบกล้องวงจรปิดเพื่อติดตามเส้นทางหลบหนี ขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังเร่งให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ และเร่งตรวจสอบความเสียหายจากเหตุระเบิดและการโจมตีในครั้งนี้