หนุ่มวัย 26 แชร์ประสบการณ์ป่วยไตวาย เตือนสติคนรุ่นใหม่อย่าละเลย 2 พฤติกรรมเสี่ยง

Nguyễn Trần Hoàng หนุ่มชาวเวียดนามวัยเพียง 26 ปี ที่กลายเป็นผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังระยะสุดท้าย สร้างแรงกระเพื่อมในโซเชียลอย่างมาก หลังเขาออกมาแชร์ชีวิตจริงผ่าน TikTok ในนาม “Hoàng Nguyễn Chạy Thận” เพื่อเตือนให้คนรุ่นใหม่หันมาใส่ใจสุขภาพ ก่อนจะสายเกินแก้

เรื่องราวสุดสะเทือนใจของ Nguyễn Trần Hoàng หนุ่มชาวเวียดนามวัยเพียง 26 ปี ที่กลายเป็นผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังระยะสุดท้าย สร้างแรงกระเพื่อมในโซเชียลอย่างมาก หลังเขาออกมาแชร์ชีวิตจริงผ่าน TikTok ในนาม “Hoàng Nguyễn Chạy Thận” เพื่อเตือนให้คนรุ่นใหม่หันมาใส่ใจสุขภาพ ก่อนจะสายเกินแก้


จากวัยรุ่นไฟแรง สู่ผู้ป่วยไตระยะสุดท้าย

Nguyễn เริ่มทำงานออนไลน์ตั้งแต่อายุ 16 ปี เขาทำงานหนักเพื่อเป็นเสาหลักให้ครอบครัวที่มีแม่ ภรรยา และลูกสาวตัวน้อย ซึ่งกลายเป็นแรงผลักดันสำคัญในชีวิตของเขา

แม้จะประสบความสำเร็จในงาน แต่เขายอมรับว่า “ละเลยสุขภาพตัวเองมาตลอด” โดยเฉพาะ 2 พฤติกรรมเสี่ยงที่กลายเป็นจุดเปลี่ยนชีวิต คือ

  1. นอนดึกเป็นประจำ – ทำงานจนเกินเที่ยงคืนทุกวัน ร่างกายไม่ได้พักผ่อน
  2. กินอาหารขยะ-น้ำอัดลม – ดื่มหวานจัดและรับประทานของทอดของมันบ่อยครั้ง

อาการเตือนมาแบบเงียบๆ ก่อนร่างกายพัง

กลางปี 2024 เขาเริ่มมีอาการไม่ปกติ เช่น ปวดหัว คลื่นไส้ เบื่ออาหาร และน้ำหนักลด แต่คิดว่าเป็นผลจากงานหนัก จนเดือนสิงหาคม 2024 อาการรุนแรงขึ้นจึงไปพบแพทย์ และถูกวินิจฉัยว่าเป็น โรคไตเรื้อรังระยะสุดท้าย

คำวินิจฉัยนั้นเปลี่ยนชีวิตเขาในพริบตา เพราะต้องฟอกไตตลอดชีวิตหรือรอปลูกถ่ายไตเท่านั้น ซึ่งเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและมีค่าใช้จ่ายสูง


จากความสิ้นหวัง สู่แรงบันดาลใจให้ใครอีกหลายคน

ช่วงแรกหลังทราบข่าว เขาเครียดจนเกือบคิดสั้น แต่ด้วยกำลังใจจากภรรยาและลูกสาว เขาตัดสินใจสู้ต่อ และเริ่มเล่าเรื่องของตัวเองผ่าน TikTok เพื่อเตือนสติและขอความช่วยเหลือ จนมีคนเข้ามาให้การสนับสนุนและระดมทุนจนสามารถเดินเรื่องการปลูกถ่ายไตได้

ปัจจุบันเขาต้องฟอกไตสัปดาห์ละ 2 ครั้ง และยังคงทำคอนเทนต์ออนไลน์พร้อมแบ่งปันข้อคิดเกี่ยวกับการใช้ชีวิต


ข้อคิดที่อยากฝากไว้

“อย่ารอให้ร่างกายพัง ถึงจะหันมาใส่ใจสุขภาพ” – Nguyễn Trần Hoàng

เขาย้ำว่า การนอนให้พอ ดื่มน้ำเปล่ามากๆ เลี่ยงน้ำอัดลม และอาหารขยะ คือสิ่งเล็กๆ ที่สามารถ ปกป้องไตของเราได้จริง

เรื่องราวของ Nguyễn ไม่เพียงแต่เป็นบทเรียนชีวิตเท่านั้น แต่ยังสะท้อนความจริงของคนรุ่นใหม่ที่หลงทางในความเร่งรีบและความเครียด จนลืมดูแล “ต้นทุนที่สำคัญที่สุด” ของชีวิต… นั่นคือ สุขภาพ

อ่านเพิ่มเติม https://www.sanook.com/news/9778266/

พยากรณ์อากาศวันนี้ ร้อนจัด-ฝนฟ้าคะนองหลายพื้นที่

กรมอุตุนิยมวิทยาแจ้งเตือนสภาพอากาศ “ร้อนสลับฝน” ทั่วไทย โดยเฉพาะ ภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคกลาง ที่ยังคงเผชิญกับอากาศร้อนจัดในบางพื้นที่ ขณะที่หลายจังหวัดจะมี ฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และฟ้าผ่า

กรมอุตุนิยมวิทยาแจ้งเตือนสภาพอากาศ “ร้อนสลับฝน” ทั่วไทย โดยเฉพาะ ภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคกลาง ที่ยังคงเผชิญกับอากาศร้อนจัดในบางพื้นที่ ขณะที่หลายจังหวัดจะมี ฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และฟ้าผ่า เกิดขึ้นในช่วงบ่ายถึงค่ำ ขอให้ประชาชนระมัดระวังอันตรายจากพายุฤดูร้อน โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในพื้นที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ ป้ายโฆษณา และสิ่งปลูกสร้างไม่แข็งแรง


พยากรณ์อากาศวันนี้ ทั่วไทยร้อนจัดบางพื้นที่

  • อุณหภูมิสูงสุดแตะ 39 องศาเซลเซียส หลายจังหวัดทั่วไทย เช่น เชียงใหม่ พิษณุโลก ขอนแก่น นครราชสีมา กาญจนบุรี และกรุงเทพฯ
  • อากาศร้อนชื้น จากหย่อมความกดอากาศต่ำ ส่งผลให้ร้อนอบอ้าว และเกิดพายุฝนฟ้าคะนองได้ง่ายในช่วงเย็น

เฝ้าระวังฝนฟ้าคะนอง 40 จังหวัด

พื้นที่มีฝนฟ้าคะนอง 30–70% ของพื้นที่

  • ภาคเหนือ: แม่ฮ่องสอน, เชียงใหม่, ลำพูน, ลำปาง, ตาก, พิษณุโลก, เพชรบูรณ์
  • ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: เลย, ชัยภูมิ, นครราชสีมา, ศรีสะเกษ, อุบลราชธานี
  • ภาคกลาง: อุทัยธานี, กาญจนบุรี, นครปฐม, สมุทรสงคราม
  • ภาคตะวันออก: นครนายก, ปราจีนบุรี, ชลบุรี, ระยอง, จันทบุรี, ตราด
  • ภาคใต้ฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน: ชุมพร, นครศรีธรรมราช, สงขลา, พังงา, ภูเก็ต, ตรัง, สตูล

 ภาคใต้เจอฝนหนัก – คลื่นลมแรง

  • ภาคใต้ฝั่งอ่าวไทยและอันดามันยังมี ฝนตกหนักบางแห่ง
  • คลื่นลมทะเลสูงถึง 2 เมตร ในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง
  • ชาวเรือควรหลีกเลี่ยงการเดินเรือในช่วงนี้ และตรวจสอบสภาพอากาศก่อนออกเรือ

ข้อควรระวังเพิ่มเติม

  • หลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้งในช่วงฝนตกฟ้าคะนอง
  • เกษตรกรควรรีบเก็บเกี่ยวผลผลิตที่อ่อนไหวต่อฝน
  • ควรตรวจสอบป้ายโฆษณาและสิ่งปลูกสร้างให้อยู่ในสภาพปลอดภัย
  • ระวังปริมาณฝุ่นละออง โดยเฉพาะภาคอีสานตอนบน ที่แนวโน้มสะสมในระดับสูง

นักการเมืองท้องถิ่นเมืองปทุม ซิ่ง BMW ชนกระบะ

เพจเฟซบุ๊กชื่อดัง “เฮียขับรถ” เผยแพร่คลิปเหตุการณ์อุบัติเหตุบนถนนมอเตอร์เวย์สายรังสิต–นครนายก ซึ่งเกี่ยวข้องกับรถเก๋ง BMW ป้ายแดงและรถกระบะบรรทุกของ ทำให้ชาวโซเชียลวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง

กลายเป็นกระแสร้อนในโลกออนไลน์ทันที หลังเพจเฟซบุ๊กชื่อดัง “เฮียขับรถ” เผยแพร่คลิปเหตุการณ์อุบัติเหตุบนถนนมอเตอร์เวย์สายรังสิต–นครนายก ซึ่งเกี่ยวข้องกับรถเก๋ง BMW ป้ายแดงและรถกระบะบรรทุกของ ทำให้ชาวโซเชียลวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะเมื่อทราบว่าผู้ขับ BMW รายนี้เป็นนักการเมืองท้องถิ่นที่กำลังลงสมัครเลือกตั้งใน จ.ปทุมธานี

ขับปาดหน้ากันก่อนเกิดเหตุชนแรง

จากคลิปเหตุการณ์ที่บันทึกโดยกล้องหน้ารถของพลเมืองดี แสดงให้เห็นว่า รถ BMW สีขาวป้ายแดงขับขี่ในลักษณะเบี่ยงปาดหน้าไปมากับรถกระบะสีดำอยู่พักใหญ่ ก่อนที่รถ BMW จะขับเบียดเข้าด้านข้างของรถกระบะอย่างจัง ทำให้รถกระบะเสียหลักพุ่งชนขอบทางอย่างแรง กระโปรงหน้ารถพังเสียหาย

ภายในรถกระบะมีลุงกับป้านั่งมาด้วยกัน โดยหลังเกิดเหตุมีพลเมืองดีเข้าช่วยเหลือ และพบว่าลุงได้รับบาดเจ็บหนักบริเวณหน้าอกจากแรงกระแทกของถุงลมนิรภัย ถูกส่งตัวไปรักษาในห้อง ICU ด้วยอาการซี่โครงหัก ส่วนป้าได้รับการดูแลเบื้องต้นและอาการปลอดภัยแล้ว


ผู้ก่อเหตุถูกระบุเป็นนักการเมืองท้องถิ่น

จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่าชายคนขับ BMW ที่ปรากฏในคลิป สวมเสื้อสีเขียว และเป็นนักการเมืองท้องถิ่นในจังหวัดปทุมธานี ซึ่งขณะนี้กำลังลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาเทศบาล (สท.) ในพื้นที่ ทำให้กระแสวิจารณ์รุนแรงยิ่งขึ้นเกี่ยวกับพฤติกรรมการขับรถที่ไม่เหมาะสม โดยเฉพาะในช่วงเวลาใกล้วันเลือกตั้ง


โซเชียลเดือด – ชี้พฤติกรรมไม่สมควรของผู้สมัคร สท.

ชาวเน็ตต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นอย่างหนักเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าว หลายคนมองว่าเป็นพฤติกรรมที่สะท้อนถึงการขาดวุฒิภาวะและจริยธรรมในการเป็นผู้แทนประชาชน ขณะที่บางส่วนเรียกร้องให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงและดำเนินคดีตามกฎหมาย

ทั้งนี้ ยังไม่มีคำชี้แจงอย่างเป็นทางการจากฝั่งของนักการเมืองผู้ขับ BMW หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่สังคมจับตามองการเคลื่อนไหวและเรียกร้องความยุติธรรมให้กับลุง–ป้าเจ้าของรถกระบะที่บาดเจ็บจากเหตุการณ์ครั้งนี้อย่างใกล้ชิด

อ่านเพิ่มเติม www.sanook.com/news/9777902/

เมย์ ผู้จัดการโตโน่ ส่งข้อความกลางรายการ – ยืนยัน มายด์ แจ้งว่าโสด

“เพชร” แฟนหนุ่มของ “มายด์ พัชรบุษย์” มาเปิดใจกลางรายการถึงความสัมพันธ์ที่พัวพันกับ “โตโน่ ภาคิน” นักร้องนักแสดงชื่อดัง

ยังไม่จบง่าย ๆ สำหรับประเด็นร้อนในรายการ โหนกระแส วันที่ 16 เมษายน 2568 ที่เชิญ “เพชร” แฟนหนุ่มของมายด์ พัชรบุษย์ มาเปิดใจกลางรายการถึงความสัมพันธ์ที่พัวพันกับ “โตโน่ ภาคิน” นักร้องนักแสดงชื่อดัง

โดยในรายการ เพชรตั้งคำถามชัดเจนว่า ทำไมฝั่งโตโน่ถึงไม่รู้ว่ามายด์มีแฟนอยู่แล้ว พร้อมเล่าว่าตนเองได้โทรไปคุยกับ “เมย์” ผู้จัดการส่วนตัวของโตโน่ด้วยตนเอง แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือคำตอบที่ “นิ่งมาก” จนน่าสงสัย


ข้อความจาก “เมย์” ผจก.โตโน่ ส่งตรงกลางรายการ

หนุ่ม กรรชัย ได้เปิดเผยข้อความจาก “เมย์” ผู้จัดการของโตโน่ ที่ส่งเข้ามาระหว่างออกอากาศสด โดยระบุว่า:

“ตัวเมย์เองรวมถึงคนที่ทำงานร่วมกับมายด์ในทุกๆ งาน ซึ่งมีมากเกินกว่า 30 ชีวิต ได้รับข้อมูลเดียวกันว่า ‘มายด์โสด’ ส่วนมายด์เขาจะพูดกับแฟนเขายังไง ทางเมย์ไม่สามารถรับรู้ได้เลย”


เพชร สวนกลับคำตอบไม่ตรงใจ

เพชรเผยว่า หลังจากตนได้โทรคุยกับเมย์ บรรยากาศเต็มไปด้วยความผิดหวัง เพราะน้ำเสียงของผู้จัดการดูไม่สะทกสะท้าน และใช้เวลาราว 2 ชั่วโมงจึงโทรกลับมา พร้อมกับกล่าวว่า

“โอเค พี่ไม่รู้ว่ามายด์มีแฟนจริง ๆ เขาบอกว่าเลิกกันแล้วสองเดือน…หลังจากนี้เพชรกับมายด์จะกลับมาคบกันหรือไม่ก็เป็นเรื่องของสองคน ทางนักร้องไม่เกี่ยว เคลียร์กันเองนะ”


เพชรจี้ประเด็น “ทำไมไม่ห้าม?”

สิ่งที่เพชรตั้งคำถามชัดเจนในรายการคือ แม้ผู้จัดการและทีมงานจะได้รับข้อมูลว่ามายด์โสด แต่ในเมื่อ “รู้ว่าโตโน่มีแฟนสาวอยู่ก่อนแล้ว” ทำไมไม่มีใครห้ามปราม หรือจัดการกับความใกล้ชิดที่ดูเกินขอบเขตในสายตาของสังคม พร้อมกล่าวว่า:

“พี่เขาเป็นคนมีชื่อเสียง ทำไมถึงปล่อยให้เรื่องเลยเถิดขนาดนี้?”


สถานการณ์ยังไม่จบ – เตรียมเปิดใจฝั่ง “มายด์” วันถัดไป

หนุ่ม กรรชัย ยืนยันในรายการว่า วันถัดไปจะเชิญมายด์มาเปิดใจในมุมของเธอ เพื่อให้ผู้ชมได้ฟังทั้งสองด้านและตัดสินกันด้วยตัวเอง

ประชาชนสหรัฐฯ หลายแสนคนรวมตัวประท้วง “Hands Off!”

การชุมนุมจัดขึ้นพร้อมกันใน มากกว่า 1,300 แห่ง ทั่วสหรัฐฯ รวมถึงเมืองหลักอย่าง นิวยอร์ก, วอชิงตัน ดี.ซี., ลอสแอนเจลิส และชิคาโก ผู้ประท้วงพากันถือป้ายข้อความหลากหลาย

เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา ชาวอเมริกันหลายแสนคนทั่วประเทศได้รวมตัวกันในการประท้วงครั้งใหญ่ภายใต้ชื่อว่าHands Off!” เพื่อต่อต้าน โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ สมัยที่สอง และ อีลอน มัสก์ ที่ปรึกษาคนสนิทในฐานะผู้นำหน่วยงาน Department of Government Efficiency (DOGE) ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการกำหนดนโยบายภาครัฐในยุคปัจจุบัน


เดินขบวนกว่า 1,300 จุดทั่วประเทศ จุดติดไฟการเมืองรอบใหม่

การชุมนุมจัดขึ้นพร้อมกันใน มากกว่า 1,300 แห่ง ทั่วสหรัฐฯ รวมถึงเมืองหลักอย่าง นิวยอร์ก, วอชิงตัน ดี.ซี., ลอสแอนเจลิส และชิคาโก ผู้ประท้วงพากันถือป้ายข้อความหลากหลาย เช่น

  • “เสรีภาพในการแสดงออก = ประชาธิปไตย”
  • “เราเก็บภาษีเพนกวิน แต่ไม่เก็บรัสเซียงั้นเหรอ?”

สะท้อนความไม่พอใจต่อแนวนโยบายที่มุ่งลดขนาดรัฐและตัดงบสวัสดิการที่เคยเป็นหัวใจสำคัญของรัฐสมัยใหม่


มัสก์-ทรัมป์ ถูกจี้กลางเวที: ลดงบสวัสดิการ-เพิ่มภาษีศุลกากร-เอื้อกลุ่มทุน

ผู้ประท้วงโจมตีการบริหารของรัฐบาลทรัมป์ว่า มุ่งลดงบประมาณด้านบริการสาธารณะ อย่างประกันสังคม, Medicaid, การศึกษา, ศิลปะ และสื่อมวลชน โดยเฉพาะหลังการมอบหมายบทบาทสำคัญให้ อีลอน มัสก์ คุม DOGE หน่วยงานที่ดูแลเรื่อง “ประสิทธิภาพภาครัฐ” แต่กลับถูกมองว่า เป็นเครื่องมือแปรรูปภาครัฐให้รับใช้กลุ่มทุนและคนรวย

ผู้ชุมนุมยังวิพากษ์วิจารณ์การเพิ่มภาษีศุลกากร ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจประชาชน โดยไม่แตะกลุ่มทุนต่างชาติรายใหญ่ที่มีความเชื่อมโยงกับผลประโยชน์ของผู้นำรัฐบาล


จากคำปราศรัยถึงหัวใจประชาธิปไตย

ที่ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. กลุ่มผู้ชุมนุมหลายพันคนรวมตัวที่ National Mall เคลลี่ แลร์ด หนึ่งในผู้ร่วมประท้วงกล่าวว่า

“พวกเขากำลังโจมตีทุกอย่างที่ทำให้ประเทศนี้มีหัวใจ ไม่ว่าจะเป็นการศึกษา การดูแลสุขภาพ หรือศิลปะ”

ในฝั่งของลอสแอนเจลิส ดันบาร์ ดิกส์ ผู้จัดงานระบุว่า

“เราไม่มีเวลามาก แต่เรามีสิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ และเราจะใช้มันแม้ระหว่างทางจากที่ทำงานไปศูนย์รับเลี้ยงเด็ก”


บทสรุป: สัญญาณอันตรายต่อเสถียรภาพ

การประท้วง “Hands Off!” ครั้งนี้ถือเป็น การแสดงพลังของประชาชนครั้งใหญ่ที่สุด นับตั้งแต่ทรัมป์กลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่สอง สะท้อนถึงแรงต้านทางสังคมที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องต่อแนวทางการปกครองในยุคใหม่ที่เน้น “ลดรัฐ เพิ่มทุน” ภายใต้เงาของผู้นำที่เป็นทั้งมหาเศรษฐีและผู้มีอิทธิพลด้านเทคโนโลยี

นี่ไม่ใช่แค่การประท้วงธรรมดา แต่คือคำเตือนว่าประชาธิปไตยต้องอาศัย “เสียงของประชาชน” ไม่ใช่แค่ “อำนาจของชนชั้นนำ”

ไฮโซฮอต ป่วนหนัก! กระโดดระเบียงชั้น 3 สน.โคกคราม

คดีนี้ยังไม่ถึงบทสรุป แต่แน่นอนว่าความเคลื่อนไหวของ “ไฮโซฮอต ไฮโซเก๊” รายนี้ยังคงถูกจับตาอย่างใกล้ชิดจากทั้งเจ้าหน้าที่และสังคมออนไลน์ โดยเฉพาะเมื่อพฤติกรรมเริ่มมีความน่ากังวลมากขึ้น

ยังไม่จบง่าย ๆ สำหรับประเด็นร้อน “หนุ่มโลกสองใบ” หรือที่ชาวโซเชียลเรียกว่า “ไฮโซฮอต ไฮโซเก๊” หลังตกเป็นข่าวคบซ้อนดาราสาว พร้อมพฤติกรรมหลอกลวง ล่าสุด เจ้าตัวก่อเหตุระทึกกลางโรงพัก กระโดดระเบียงชั้น 3 สน.โคกคราม ระหว่างถูกสอบสวน เบื้องต้นได้รับบาดเจ็บนอนแน่นิ่ง เจ้าหน้าที่เร่งส่งตัวรักษา

เหตุการณ์ระทึกกลางโรงพัก

เมื่อเวลา 15.40 น. วันที่ 7 เมษายน 2568 เจ้าหน้าที่ สน.โคกคราม กำลังควบคุมตัว “นายฮอต” ชายหนุ่มที่กำลังตกเป็นประเด็นคบซ้อนและหลอกลวงดาราสาวชื่อดัง โดยขณะอยู่ระหว่างรอตรวจปัสสาวะ เจ้าตัวได้ขอตัวเข้าห้องน้ำ แต่กลับอาศัยจังหวะกระโดดออกจากระเบียงชั้น 3 พุ่งร่างลงมากระแทกหลังคาสังกะสี ก่อนจะร่วงลงสู่พื้นในลานจอดรถด้านหลังโรงพัก

เจ้าหน้าที่อาสากู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญูเข้าช่วยเหลือปฐมพยาบาลเบื้องต้น และนำตัวส่งโรงพยาบาลทันที ขณะนี้ยังไม่มีรายงานแน่ชัดว่าอาการบาดเจ็บรุนแรงแค่ไหน


เคยก่อเหตุก่อนหน้า อ้างถูกแบล็กเมล์

ก่อนหน้านี้ไม่นาน ที่คลินิกรักษาสัตว์แห่งหนึ่งในซอยนวลจันทร์ 60 เจ้าหน้าที่ต้องเข้าช่วยเหลือหลังมีรายงานว่าชายรายหนึ่งจะกระโดดจากที่สูง จากการตรวจสอบพบว่าเป็นนายฮอตคนเดียวกัน ซึ่งในครั้งนั้นเจ้าตัวได้ยืนอยู่ที่ระเบียงชั้น 3 พร้อมอ้างว่า “ถูกแบล็กเมล์ ไม่ใช่มิจฉาชีพ” และ “หากตายไปจะจองเวรทุกชาติ” เจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลานานกว่าจะเกลี้ยกล่อมและพาตัวส่ง สน.โคกครามได้สำเร็จ ก่อนจะเกิดเหตุซ้ำรอย


ด้านคดี-เจ้าหน้าที่เดินหน้าสอบสวน

เบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อหาเกี่ยวกับพฤติกรรมหลอกลวง คบซ้อน และอยู่ระหว่างสอบสวนเพิ่มเติม รวมถึงตรวจสอบปัสสาวะเพื่อตรวจหาสารเสพติด อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ล่าสุดส่งผลให้ต้องหยุดการสอบสวนชั่วคราวเพื่อให้แพทย์ดูแลอาการของนายฮอตก่อน

ขณะเดียวกัน โซเชียลยังคงวิจารณ์อย่างหนักถึงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม และการพยายามหลบหนีความผิดของชายคนนี้ โดยบางส่วนเรียกร้องให้ดำเนินคดีอย่างเด็ดขาดเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง


สรุป: คดีนี้ยังไม่ถึงบทสรุป แต่แน่นอนว่าความเคลื่อนไหวของ “ไฮโซฮอต ไฮโซเก๊” รายนี้ยังคงถูกจับตาอย่างใกล้ชิดจากทั้งเจ้าหน้าที่และสังคมออนไลน์ โดยเฉพาะเมื่อพฤติกรรมเริ่มมีความน่ากังวลมากขึ้น

สตง. เสียใจ เหตุตึกถล่ม จากแผ่นดินไหว ยืนยันก่อสร้างตามกฎหมาย โปร่งใส

อาคารที่ทำการแห่งใหม่ของ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) บริเวณถนนกำแพงเพชร 2 เขตจตุจักร กรุงเทพฯ พังถล่มหลังเกิดแผ่นดินไหว ส่งผลให้มี ผู้เสียชีวิต บาดเจ็บ และสูญหายจำนวนมาก

จากเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ซึ่งอาคารที่ทำการแห่งใหม่ของ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) บริเวณถนนกำแพงเพชร 2 เขตจตุจักร กรุงเทพฯ พังถล่มหลังเกิดแผ่นดินไหว ส่งผลให้มี ผู้เสียชีวิต บาดเจ็บ และสูญหายจำนวนมาก ล่าสุด สตง. ได้ออกแถลงการณ์แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง พร้อมเร่งตรวจสอบสาเหตุอย่างละเอียดดี–ซีอาร์อีซี เป็นผู้รับเหมา วงเงิน 2,136 ล้านบาท

สตง. ย้ำว่า การออกแบบและก่อสร้างยึดตามกฎหมายควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 และมาตรฐานทางวิศวกรรม รวมถึง คำนึงถึงความมั่นคง แข็งแรง และรองรับแรงแผ่นดินไหว ตามหลักการวิศวกรรมโครงสร้างที่ทันสมัย โดยปฏิเสธชัดเจนว่าข่าวลือที่ว่า มีการปรับลดขนาดเสาหรือแก้ไขแบบโครงสร้างเพื่อประหยัดงบ นั้น “ไม่เป็นความจริง”


โปร่งใส ตรวจสอบได้ – เดินหน้าช่วยเหลือผู้ประสบภัย

ภายหลังเกิดเหตุ สตง. ได้ตั้งศูนย์ประสานงานในพื้นที่เพื่อบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน พร้อม ให้ความช่วยเหลือเร่งด่วนแก่ผู้ประสบภัย และครอบครัวผู้ได้รับผลกระทบ

ขณะเดียวกัน สตง. ยืนยันว่า กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างและก่อสร้างดำเนินการอย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้ ตาม พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 และ ได้ลงนามข้อตกลงคุณธรรมกับองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) เพื่อป้องกันการทุจริตทุกขั้นตอน


เดินหน้าหาสาเหตุ – แถลงความคืบหน้าโดยเร็ว

สตง. ระบุว่าขณะนี้กำลังเร่งตรวจสอบหาสาเหตุของเหตุการณ์พังถล่มอย่างละเอียด โดยจะ แถลงข้อเท็จจริงให้ประชาชนรับทราบโดยเร็วที่สุด และเน้นย้ำว่าการก่อสร้างครั้งนี้เป็นไปเพื่อประโยชน์ของประชาชนและระบบราชการไทย โดยยึดมั่นในหลักธรรมาภิบาล โปร่งใส และตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน

โศกนาฏกรรมนี้กลายเป็นบททดสอบความเชื่อมั่นต่อระบบการก่อสร้างของภาครัฐ สตง. ขอโอกาสพิสูจน์ความจริง และยืนยันพร้อมรับผิดชอบทุกด้านเพื่อคืนความมั่นใจให้สังคม

ตึกสั่น หลายอาคารทั่วกรุงเทพฯ 31 มี.ค. กรมอุตุฯ ชี้แจงแล้ว

หลาย อาคารสูง รับรู้แรงสั่นสะเทือนจนต้องอพยพชั่วคราว โดยเฉพาะที่ สำนักงานศาลยุติธรรม ถนนรัชดาภิเษก และ อาคารศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ ซึ่งมีทั้ง การทรุดตัวของพื้น ฝ้าเพดานร่วง และสัญญาณเตือนภัยดังขึ้น

ช่วงเช้าวันที่ 31 มีนาคม 2568 เกิดเหตุการณ์ที่สร้างความตื่นตระหนกให้กับประชาชนและเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานในกรุงเทพมหานคร เมื่อหลาย อาคารสูง รับรู้แรงสั่นสะเทือนจนต้องอพยพชั่วคราว โดยเฉพาะที่ สำนักงานศาลยุติธรรม ถนนรัชดาภิเษก และ อาคารศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ ซึ่งมีทั้ง การทรุดตัวของพื้น ฝ้าเพดานร่วง และสัญญาณเตือนภัยดังขึ้น


เจ้าหน้าที่อพยพฉุกเฉิน – ตรวจสอบแล้วปลอดภัย

ที่ สำนักงานศาลยุติธรรม เจ้าหน้าที่จำนวนมากต่างรีบวิ่งลงจากอาคารด้วยความตกใจ หลังรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนชัดเจน ขณะที่ ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ ก็มีการอพยพเช่นกัน เนื่องจากพื้นทรุดตัวและฝ้าเพดานบางจุดหลุดร่วง เบื้องต้น ทีมวิศวกรตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นรอยเดิม ไม่กระทบต่อโครงสร้างหลักของอาคาร โดยล่าสุดได้มีการทยอยอนุญาตให้ผู้คนกลับเข้าทำงานได้ตามปกติ


กรมอุตุฯ แจง Aftershock จากเมียนมา – ไม่กระทบไทย

หลังเกิดเหตุการณ์ ทาง กรมอุตุนิยมวิทยา ได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงว่า แรงสั่นไหวที่รับรู้ได้ในกรุงเทพฯ มีสาเหตุมาจาก “Aftershock” หรือแรงสั่นสะเทือนหลังแผ่นดินไหวจากประเทศเมียนมา โดยระบุว่าเป็นแรงสั่นสะเทือนขนาดเล็ก และ “ไม่ส่งผลกระทบต่อประเทศไทย” แต่อย่างใด

แม้จะไม่มีผลกระทบต่อโครงสร้างอาคารโดยตรง แต่ความรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนในอาคารสูงยังสร้างความหวาดวิตกให้กับประชาชนในหลายพื้นที่ ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่สามารถเกิดขึ้นได้เมื่อเกิดแผ่นดินไหวในพื้นที่ใกล้เคียงกับประเทศไทย


สรุป

  • เหตุแรงสั่นสะเทือนในหลายอาคารสูงในกรุงเทพฯ เมื่อ 31 มี.ค. เกิดจาก Aftershock แผ่นดินไหวเมียนมา
  • ไม่ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างอาคาร ตามรายงานของวิศวกรที่ลงพื้นที่ตรวจสอบแล้ว
  • กรมอุตุนิยมวิทยา ยืนยันเหตุการณ์นี้ ไม่กระทบประเทศไทย

🧯 หากพบอาการเวียนหัวหรือคลื่นไส้หลังอยู่ในอาคารสูงจากแรงสั่นสะเทือน ให้หาที่โล่งพักหายใจ และหลีกเลี่ยงการขึ้นลงลิฟต์ทันที

เอ็ม เอกชาติ โดนแจ้งข้อหาหนัก สมคบคิดฟอกเงิน–ทำเว็บพนัน

เอ็ม เอกชาติ กลับมาเป็นที่สนใจในคดีที่เกี่ยวข้องกับ การฟอกเงินและเว็บพนัน หลังเคยเป็นข่าวดังจากกรณี แบงค์ เลสเตอร์ อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังเสียชีวิต

กลายเป็นประเด็นร้อนอีกครั้ง เมื่อชื่อของ เอ็ม เอกชาติ กลับมาเป็นที่สนใจในคดีที่เกี่ยวข้องกับ การฟอกเงินและเว็บพนัน หลังเคยเป็นข่าวดังจากกรณี แบงค์ เลสเตอร์ อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังเสียชีวิต ภายในงานเลี้ยงเปิดร้านที่จังหวัดจันทบุรี ซึ่งเป็นงานวันเกิดของแม่ของเอ็ม

ถูกแจ้งข้อหา – ยึดทรัพย์หลายรายการ

ล่าสุด เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 27 มีนาคม 2568 มีรายงานว่า ตำรวจไซเบอร์เข้าควบคุมตัวเอ็ม เอกชาติ พร้อม ตรวจยึดทรัพย์สินจำนวนมาก จากบ้านพักในจังหวัดจันทบุรี แต่เจ้าตัวให้ข้อมูลภายหลังว่า ไม่ได้ถูกจับที่บ้านพักตามที่สื่อเสนอ หากแต่เป็นการ เดินทางไปรายงานตัวที่สำนักงานตำรวจไซเบอร์ (ปอท.) ด้วยตนเอง เมื่อคืนวันที่ 26 มีนาคม เวลาประมาณ 23.30 น.

โดยหลังจากเข้าไปถึงสำนักงาน ปอท. เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาทันทีว่า

“ร่วมกันสมคบคิดฟอกเงิน และร่วมกันจัดให้มีการเล่นพนันออนไลน์”

ยืนยันไม่ได้เกี่ยวข้อง – แปลกใจโดนแจ้งข้อหาใหม่

เอ็ม เอกชาติ เปิดเผยกับเพจโหนกระแสว่า ตนให้การ ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และ ยืนยันว่าไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับเว็บพนัน ใดๆ ทั้งสิ้น พร้อมทั้งระบุว่ารู้สึกแปลกใจ เนื่องจากเพิ่งได้รับคำสั่งจากศาลให้คืนทรัพย์สินในคดีก่อนหน้ามูลค่าหลายสิบล้านบาทเมื่อวันที่ 25 มีนาคมที่ผ่านมา แต่กลับมาเจอข้อกล่าวหาใหม่ในทันที

นอกจากนี้ ยังเปิดเผยว่า แม้ขณะนี้จะถูกควบคุมตัวอยู่ภายในสำนักงานตำรวจไซเบอร์ แต่ยังสามารถใช้โทรศัพท์ได้ และพร้อมให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ในทุกขั้นตอน


ประเด็นเชื่อมโยงอดีต – คดีแบงค์ เลสเตอร์

ชื่อของเอ็ม เอกชาติเป็นที่รู้จักในวงกว้าง หลังเกี่ยวข้องในเหตุการณ์การเสียชีวิตของ แบงค์ เลสเตอร์ อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง ที่หมดสติและเสียชีวิตในงานวันเกิดแม่ของเอ็มเมื่อปีก่อน แม้ภายหลังตำรวจสรุปว่าเป็นการเสียชีวิตด้วยสาเหตุธรรมชาติ แต่หลายฝ่ายยังคงตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับพฤติกรรมและเส้นทางการเงินของผู้เกี่ยวข้อง


จับตาท่าทีจากเจ้าหน้าที่ – คดีใหญ่โยงเว็บพนัน

คดีล่าสุดนี้มีความน่าสนใจ เพราะ ตำรวจไซเบอร์แสดงความเชื่อมั่นว่ามีหลักฐานเพียงพอ จึงออกหมายเรียกและแจ้งข้อกล่าวหาหนักในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการ ฟอกเงินและเว็บพนัน ซึ่งเป็นหนึ่งใน ภัยออนไลน์ที่รัฐกำลังเร่งกวาดล้าง อยู่ในขณะนี้

คงต้องติดตามต่อว่า การตรวจสอบทรัพย์สินและเส้นทางการเงิน ของเอ็ม เอกชาติจะมีความคืบหน้าอย่างไร และเจ้าหน้าที่จะสามารถขยายผลโยงถึงเครือข่ายใดเพิ่มเติมหรือไม่

สภาพอากาศวันนี้ 28 จังหวัด ฝนถล่ม 16–20 มี.ค.

กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์ ประเทศไทยตอนบนจะเผชิญอากาศร้อนจัด และฝนฟ้าคะนองในบางพื้นที่ โดยเฉพาะช่วง วันที่ 16–20 มีนาคม 2568 สภาพอากาศวันนี้

กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์ ประเทศไทยตอนบนจะเผชิญอากาศร้อนจัด และฝนฟ้าคะนองในบางพื้นที่ โดยเฉพาะช่วง วันที่ 16–20 มีนาคม 2568 สภาพอากาศวันนี้ จะได้รับผลกระทบจากมวลอากาศเย็นจากจีน ส่งผลให้เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และอุณหภูมิลดลง

พยากรณ์อากาศทั่วไทย 14 มี.ค. 2568

 ภาคเหนือ
อากาศร้อนจัด
ฝนฟ้าคะนอง 10% ของพื้นที่ (พิษณุโลก, เพชรบูรณ์)
อุณหภูมิสูงสุด 36–41°C
ลมตะวันตกเฉียงใต้ 5–15 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
 ฝนฟ้าคะนอง 10% ของพื้นที่ (สกลนคร, นครพนม, มุกดาหาร, ยโสธร, อำนาจเจริญ, นครราชสีมา, อุบลราชธานี)
อุณหภูมิสูงสุด 35–37°C
ลมตะวันตกเฉียงใต้ 10–20 กม./ชม.

ภาคกลาง
อากาศร้อน
ฝนฟ้าคะนอง 10% ของพื้นที่ (ลพบุรี, สระบุรี, กาญจนบุรี, ราชบุรี)
อุณหภูมิสูงสุด 36–39°C
ลมตะวันตกเฉียงใต้ 10–20 กม./ชม.

ภาคตะวันออก
 ฝนฟ้าคะนอง 20% ของพื้นที่ (นครนายก, ปราจีนบุรี, ฉะเชิงเทรา, ชลบุรี, จันทบุรี, ตราด)
อุณหภูมิสูงสุด 33–36°C
ลมตะวันออกเฉียงใต้ 10–30 กม./ชม.
ทะเลคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร (บริเวณฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร)

ภาคใต้ (ฝั่งอ่าวไทย)
ฝนฟ้าคะนอง 20% ของพื้นที่ (เพชรบุรี, ประจวบคีรีขันธ์, พัทลุง, สงขลา, ยะลา)
อุณหภูมิสูงสุด 32–35°C
ลมตะวันออก 15–30 กม./ชม.
คลื่นสูง 1 เมตร (ฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร)

ภาคใต้ (ฝั่งอันดามัน)
ฝนฟ้าคะนอง 20% ของพื้นที่ (กระบี่, ตรัง, สตูล)
อุณหภูมิสูงสุด 33–35°C
ลมตะวันออก 15–30 กม./ชม.
คลื่นสูง 1 เมตร (ฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร)

กรุงเทพฯ และปริมณฑล
อากาศร้อน
ฝนฟ้าคะนอง 20% ของพื้นที่
อุณหภูมิสูงสุด 34–37°C
ลมใต้ 10–20 กม./ชม.


คำเตือนช่วง 16–20 มีนาคม 2568

  • พายุฝนฟ้าคะนอง และลมกระโชกแรงในไทยตอนบน
  • อุณหภูมิลดลงหลังพายุฝนผ่าน
  • ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น-คลื่นลมแรงขึ้น
  • ชาวเรือหลีกเลี่ยงเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง