ย้อนรอยคดีจำนำข้าว ศาลสั่ง “ยิ่งลักษณ์” ชดใช้หมื่นล้าน

ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาให้ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ชดใช้ค่าเสียหาย 10,028 ล้านบาท จากเดิมที่เคยถูกเรียกเก็บถึง 35,717 ล้านบาท

แม้จะผ่านมากว่าสิบปี แต่โครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ยังคงเป็นเรื่องที่ถกเถียงไม่จบ ล่าสุด (22 พ.ค. 2568) ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาให้ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ชดใช้ค่าเสียหาย 10,028 ล้านบาท จากเดิมที่เคยถูกเรียกเก็บถึง 35,717 ล้านบาท กรณีปล่อยให้เกิดความเสียหายจากการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (G2G)

จุดเริ่มต้นของนโยบาย จากความหวังของชาวนา สู่ปัญหาใหญ่ระดับชาติ

โครงการรับจำนำข้าวเริ่มขึ้นในปี 2554 ภายใต้รัฐบาลพรรคเพื่อไทย โดยมีวัตถุประสงค์ช่วยชาวนาให้มีรายได้มากขึ้น รัฐรับซื้อข้าวเปลือกในราคาสูงถึงตันละ 15,000 บาท ซึ่งสูงกว่าราคาตลาดมากกว่า 50% เพื่อให้เกษตรกรได้เงินสดไปใช้จ่ายหนี้สินและลงทุนในฤดูถัดไป

แม้จะเริ่มต้นด้วยเสียงชื่นชมจากชาวนา แต่ปัญหาใหญ่เริ่มปรากฏเมื่อต้องนำข้าวออกจากสต๊อกขายกลับสู่ตลาด โดยเฉพาะการระบายแบบ G2G ที่มีข้อสงสัยเรื่องความโปร่งใส การตั้งราคาที่ไม่สะท้อนต้นทุนจริง และการขายแบบไม่มีสัญญาซื้อขายที่เป็นทางการ

ผลคือ รัฐเสียหายหนักจากการนำข้าวไปขายต่ำกว่าทุน และมีการตีมูลค่าความเสียหายไว้สูงถึง 178,000 ล้านบาท


ศาลชี้ “ยิ่งลักษณ์” บกพร่องในหน้าที่กำกับดูแล ไม่ใช่ทุจริตโดยตรง

แม้ในคดีอาญา ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะเคยตัดสินจำคุกนางสาวยิ่งลักษณ์ 5 ปี ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ แต่ในคดีแพ่ง ศาลปกครองสูงสุดระบุว่า ยิ่งลักษณ์มีความผิดในฐานะผู้กำกับนโยบาย ไม่ใช่ผู้ลงมือทุจริตโดยตรง

ศาลจึงพิจารณาว่าเธอควรรับผิดเฉพาะส่วนที่เกี่ยวกับการบริหารผิดพลาดในแผนการระบายข้าวแบบ G2G และลดเงินชดใช้ลงมาเหลือ 10,028 ล้านบาท


ทุจริตหรือบริหารพลาด? คำถามที่ยังถกเถียงในสังคม

  • ฝ่ายสนับสนุนยิ่งลักษณ์ ชี้ว่านโยบายมีเจตนาดีเพื่อยกระดับชาวนา แต่ถูกบิดเบือนโดยความขัดแย้งทางการเมือง และการใช้อำนาจตรวจสอบจาก คสช. ภายใต้มาตรา 44
  • ฝ่ายตรงข้าม ชี้ว่านี่คือตัวอย่างของความล้มเหลวเชิงนโยบายที่ก่อให้เกิดความเสียหายมหาศาลต่อรัฐ

แม้จะยังมีข้อถกเถียงในสังคม แต่บทเรียนสำคัญจากคดีนี้คือ การกำกับดูแลนโยบายสาธารณะ ต้องมีกลไกตรวจสอบที่เข้มงวด ไม่ว่าจะด้วยเจตนาดีเพียงใด หากขาดความโปร่งใสและบริหารผิดพลาด ก็สามารถกลายเป็นต้นตอของความเสียหายระดับประเทศได้


สรุปบทเรียน: นโยบายดีแค่ไหน ถ้าไร้การควบคุม ก็อันตราย

กรณีจำนำข้าวเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของนโยบายประชานิยมที่ ต้องออกแบบด้วยความรอบคอบ และ มีระบบตรวจสอบที่เข้มแข็ง หากหวังผลการเมืองระยะสั้น แต่ละเลยผลกระทบระยะยาว ก็อาจต้องจ่ายราคาแพงไม่เฉพาะในเชิงงบประมาณ แต่รวมถึงความเชื่อมั่นของประชาชนด้วย

กรมอุตุฯ เตือนฝนถล่ม กรุงเทพฯ-ภาคตะวันออก-ใต้ เสี่ยง “น้ำท่วมฉับพลัน-น้ำป่าไหลหลาก”

กรมอุตุนิยมวิทยา รายงาน สถานการณ์ฝนตกหนักต่อเนื่องในหลายพื้นที่ของประเทศไทย โดยเฉพาะ กรุงเทพฯ ปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก

วันที่ 22 พฤษภาคม 2568 กรมอุตุนิยมวิทยา รายงาน สถานการณ์ฝนตกหนักต่อเนื่องในหลายพื้นที่ของประเทศไทย โดยเฉพาะ กรุงเทพฯ ปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก คาดว่าจะมี ฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60 ของพื้นที่ และฝนตกหนักบางแห่ง

สาเหตุมาจาก มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ที่ยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามันและประเทศไทย ขณะที่ ลมตะวันออกเฉียงใต้และลมใต้ ปกคลุมภาคเหนือตอนล่าง ภาคอีสาน ภาคกลาง และภาคใต้ฝั่งตะวันออก ทำให้เกิดฝนสะสมหลายพื้นที่


พื้นที่เสี่ยงและข้อควรระวัง

  • พื้นที่ลาดเชิงเขาและพื้นที่ลุ่มต่ำ เสี่ยงน้ำป่าไหลหลาก-น้ำท่วมฉับพลัน
  • ชาวเรือ ควรหลีกเลี่ยงการเดินเรือในพื้นที่ฝนฟ้าคะนอง โดยเฉพาะฝั่งทะเลอันดามันและอ่าวไทยที่อาจมีคลื่นสูงเกิน 2 เมตรในบางจุด
  • เกษตรกร ควรเร่งเสริมความแข็งแรงให้พืชผลทางการเกษตร และระวังโรคพืชจากฝนตกสะสม

สภาพอากาศโดยสรุปในแต่ละภูมิภาค

  • ภาคเหนือ: ฝนฟ้าคะนอง 60% ของพื้นที่ ร้อนสูงสุด 37°C
  • ภาคอีสาน: ฝนฟ้าคะนอง 40% ร้อนสูงสุด 35°C
  • ภาคกลาง: ฝนฟ้าคะนอง 40% ร้อนสูงสุด 37°C
  • ภาคตะวันออก: ฝนฟ้าคะนอง 60% มีฝนตกหนักบางแห่ง
  • ภาคใต้ฝั่งตะวันตก: ฝนฟ้าคะนอง 60% คลื่นสูงถึง 2 เมตรในบางจุด
  • กรุงเทพฯ และปริมณฑล: ฝนฟ้าคะนอง 60% มีฝนตกหนักบางแห่ง

แนวโน้มช่วง 23–27 พ.ค.

ฝนจะ ตกเพิ่มขึ้นทั่วประเทศ จากอิทธิพลของมรสุมที่มีกำลังแรงขึ้น ร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของไทยและภาคใต้ตอนบน ส่งผลให้หลายพื้นที่เผชิญฝนตกหนักถึงหนักมากต่อเนื่อง

ประชาชนควรติดตามประกาศเตือนภัยจากกรมอุตุฯ อย่างใกล้ชิด และเตรียมแผนรับมือสถานการณ์น้ำในพื้นที่เสี่ยง

กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทยฝนตกหนัก 23–27 พ.ค. เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน-น้ำป่าไหลหลาก

ประเทศไทยกำลังจะเข้าสู่ช่วงฝนตกหนักต่อเนื่องระหว่างวันที่ 23–27 พฤษภาคม 2568 จากอิทธิพลของมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่กำลังแรงขึ้น และร่องมรสุมพาดผ่านประเทศไทยตอนบน

กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศเตือนภัยล่าสุด ระบุว่า ประเทศไทยกำลังจะเข้าสู่ช่วงฝนตกหนักต่อเนื่องระหว่างวันที่ 23–27 พฤษภาคม 2568 จากอิทธิพลของมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่กำลังแรงขึ้น และร่องมรสุมพาดผ่านประเทศไทยตอนบน ซึ่งจะทำให้หลายพื้นที่ทั่วประเทศต้องเตรียมพร้อมรับมือฝนตกหนักถึงหนักมาก


พื้นที่เสี่ยงที่ต้องระวัง

  • ภาคเหนือ: เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง ตาก กำแพงเพชร สุโขทัย
  • ภาคอีสาน: หนองคาย อุดรฯ ขอนแก่น นครราชสีมา ร้อยเอ็ด บุรีรัมย์
  • ภาคกลาง: กาญจนบุรี ราชบุรี ลพบุรี สระบุรี นครสวรรค์
  • ภาคตะวันออก: ชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา จันทบุรี
  • ภาคใต้: สุราษฎร์ฯ นครศรีฯ สงขลา ภูเก็ต ตรัง กระบี่

ความเสี่ยงและคำแนะนำ

  • น้ำท่วมฉับพลัน-น้ำป่าไหลหลาก: เสี่ยงในพื้นที่ ลาดเชิงเขา-ลุ่มต่ำ ใกล้แม่น้ำหรือทางน้ำไหล
  • ฝนตกสะสม: อาจส่งผลต่อการระบายน้ำ โดยเฉพาะในเขตเมืองหรือพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก
  • ชาวเรือและประมง: คลื่นลมในทะเลอันดามันและอ่าวไทย แม้กำลังอ่อน แต่บริเวณที่มีพายุฝนฟ้าคะนอง คลื่นอาจสูง เกิน 2 เมตร
  • เกษตรกร: ควรเสริมความแข็งแรงให้ไม้ผลและป้องกันผลผลิตทางเกษตรที่อาจเสียหายจากฝนตกหนัก

สรุปพยากรณ์ฝน 22 พ.ค. – ล่วงหน้า

  • กรุงเทพฯ และปริมณฑล: ฝนตกหนัก 60% ของพื้นที่ อุณหภูมิสูงสุด 36°C
  • ภาคเหนือ-อีสาน-กลาง: ฝนตก 60–70% มีลมแรงบางจุด
  • ภาคตะวันออกและภาคใต้: ฝนตกหนัก 60% ขึ้นไป โดยเฉพาะจังหวัดริมชายฝั่ง

ข้อควรปฏิบัติ

  • ติดตามพยากรณ์อากาศทุกวัน
  • งดเดินทางในเส้นทางที่เสี่ยงน้ำท่วม/ดินถล่ม
  • เก็บของขึ้นที่สูง ป้องกันความเสียหาย
  • เตรียมเสื้อกันฝน/ไฟฉาย/แบตสำรอง หากอยู่ในพื้นที่เสี่ยง

ชายวัย 48 ปี ความดันสูงจนเจ็บหน้าอก หายได้ด้วย 3 พฤติกรรมง่าย ๆ ที่หมอยกนิ้วให้

ที่เมืองเฉิงตู ประเทศจีน กลายเป็นตัวอย่างของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงที่สามารถฟื้นฟูสุขภาพได้ด้วยตนเอง หลังพบว่าความดันพุ่งถึง 180/100 mmHg

จากพนักงานขายที่เคยใช้ชีวิตแบบเร่งรีบ “นายหลี่ เยี่ยน” วัย 48 ปี จากเมืองเฉิงตู ประเทศจีน กลายเป็นตัวอย่างของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงที่สามารถฟื้นฟูสุขภาพได้ด้วยตนเอง หลังพบว่าความดันพุ่งถึง 180/100 mmHg และมีอาการเจ็บแน่นหน้าอก กระสับกระส่าย และเหงื่อออกตอนกลางคืน

ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ เขาเลือกเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้ชีวิตแบบจริงจัง โดยไม่หวังพึ่งยาเพียงอย่างเดียว และเพียง 6 เดือนต่อมา ค่าความดันของเขาลดลงจนอยู่ในเกณฑ์ปกติ (120/78 mmHg) พร้อมอาการที่เคยรบกวนทั้งหมดหายไป


3 พฤติกรรมเปลี่ยนชีวิต ที่ช่วยลดความดัน

  1. ทานยาสม่ำเสมอ
    ปฏิบัติตามแพทย์แนะนำ ไม่ขาดยา และไม่ลดหรือหยุดยาเอง
  2. นอน-ตื่นให้เป็นเวลา
    เข้านอนก่อน 5 ทุ่ม ตื่น 6 โมงครึ่งทุกวัน เพื่อปรับนาฬิกาชีวิตให้สมดุล ลดการหลั่งฮอร์โมนความเครียด
  3. เดินออกกำลังกายวันละ 40 นาที
    ทำต่อเนื่องทุกวัน ช่วยให้หลอดเลือดแข็งแรง หัวใจทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น

คำแนะนำจากแพทย์: นอนดี เดินดี หัวใจแข็งแรง

  • นอนหลับให้เพียงพอ และนอน-ตื่นเป็นเวลา จะช่วยให้ฮอร์โมนในร่างกายทำงานสมดุล ลดภาวะหลอดเลือดหดตัว
  • การเดินต่อเนื่อง 40 นาทีต่อวัน มีผลลดความเสี่ยงความดันโลหิตสูงลงได้ถึง 32% จากงานวิจัยในวารสาร Hypertension

สรุปจากกรณีนายหลี่

การปรับพฤติกรรมพื้นฐาน เช่น การนอนให้ตรงเวลา การเดินออกกำลังกายสม่ำเสมอ และไม่ลืมกินยา สามารถช่วยให้ความดันโลหิตกลับมาเป็นปกติในเวลาเพียง 6 เดือน โดยไม่ต้องพึ่งการรักษาที่ซับซ้อน

“ครัวคุณต้อ” ปิดตำนานร้านอาหารปักษ์ใต้รสเด็ดในกรุงเทพฯ

“ครัวคุณต้อ” ปิดตำนานร้านอาหารปักษ์ใต้รสเด็ดในกรุงเทพฯ 30 พ.ค. นี้ – เจ้าของเผยกลับใต้เลี้ยงหลาน ดูแลสวน

“ครัวคุณต้อ” ปิดตำนานร้านอาหารปักษ์ใต้รสเด็ดในกรุงเทพฯ 30 พ.ค. นี้ – เจ้าของเผยกลับใต้เลี้ยงหลาน ดูแลสวน

เรียกได้ว่าเป็นข่าวที่ทำให้แฟนคลับอาหารปักษ์ใต้ต้องใจหายไม่น้อย เมื่อ “ครัวคุณต้อ” ร้านอาหารใต้ชื่อดังย่านห้วยขวาง ประกาศปิดกิจการในวันที่ 30 พฤษภาคม 2568 หลังเปิดให้บริการมานานเกือบ 30 ปี


ประกาศจากทางร้านครัวคุณต้อ

เพจ ครัวคุณต้อ อาหารปักษ์ใต้ ได้โพสต์ข้อความแจ้งข่าวการปิดกิจการอย่างเป็นทางการ โดยระบุว่า:

“เรียน ผู้มีอุปการะคุณทุกท่าน
เกือบ 30 ปี ที่ร้านครัวคุณต้อ อาหารปักษ์ใต้ ได้เปิดบริการซึ่งได้รับการตอบรับและสนับสนุนด้วยดีตลอดมา
ทางร้านขอแจ้งปิดกิจการ ตั้งแต่สิ้นเดือนนี้ เป็นต้นไป (30 พฤษภาคม 2568)
ขอขอบพระคุณทุกท่านที่มาอุดหนุนนะคะ”


เจ้าของร้านเผยเหตุผลสั้น ๆ

จากการสอบถามลูกค้าที่สนิทสนมกับเจ้าของร้าน ได้รับคำตอบว่า สาเหตุหลักของการปิดร้านคือ

  • เจ้าของจำเป็นต้อง กลับไปดูแลสวนและครอบครัวที่ภาคใต้
  • ต้องการใช้เวลาดูแล หลาน ๆ อย่างเต็มที่
  • ไม่มีเวลามาดูแลร้านในกรุงเทพฯ ต่อ

ตำนานความจัดจ้านจากภาคใต้

“ครัวคุณต้อ” เปิดอยู่บริเวณ ซอยรัชดานิเวศน์ แยก 5 ถนนประชาอุทิศ เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ
ร้านนี้ขึ้นชื่อในเรื่องของอาหารใต้ที่รสจัดถึงพริกถึงขิง อาทิ

  • แกงเหลืองปลากะพง
  • คั่วกลิ้งหมู
  • แกงไตปลา
  • น้ำพริกกะปิ + ผักสด
    ที่ลูกค้าขาประจำต่างยกนิ้วให้ว่า “เหมือนกินอยู่บ้านที่สงขลา”

หลังจากโพสต์ประกาศปิดร้านไม่นาน ลูกค้าจำนวนมากได้เข้ามาแสดงความรู้สึกใจหาย พร้อมขอบคุณที่ทางร้านมอบรสชาติความเป็นใต้แท้ ๆ ให้คนเมืองได้ลิ้มลองตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา


ใครยังไม่เคยไป หรือคิดถึงรสชาติปักษ์ใต้แท้ ๆ รีบไปเยือนให้ทันก่อน 30 พฤษภาคมนี้ แล้วร่วมอำลา ครัวคุณต้อ ด้วยความอิ่มใจอีกสักครั้งก่อนปิดตำนาน!

สภาพอากาศวันนี้ 14 พ.ค. 2568

พยากรณ์อากาศวันนี้ 14 พ.ค. 2568 — ฝนถล่ม 46 จังหวัด! กทม.โดนเต็มๆ ฝนตกหนัก 70% ของพื้นที่

พยากรณ์อากาศวันนี้ 14 พ.ค. 2568 — ฝนถล่ม 46 จังหวัด! กทม.โดนเต็มๆ ฝนตกหนัก 70% ของพื้นที่

กรมอุตุนิยมวิทยาออกประกาศเตือนฝนตกหนักหลายพื้นที่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะกรุงเทพฯ และภาคใต้ที่ต้องรับมือกับฝนฟ้าคะนองและฝนตกหนักถึง 70% ของพื้นที่ เสี่ยงน้ำท่วมขังและน้ำป่าไหลหลากในจุดลุ่มต่ำและพื้นที่ลาดเชิงเขา


พื้นที่ที่ต้องระวังวันนี้

  • กรุงเทพฯ และปริมณฑล: ฝนตกหนัก 70% ของพื้นที่
  • ภาคกลาง: อยุธยา ราชบุรี นครปฐม สุพรรณบุรี สมุทรสาคร
  • ภาคตะวันออก: ชลบุรี ระยอง จันทบุรี
  • ภาคใต้ฝั่งตะวันตกและตะวันออก: ฝนถล่มหลายจังหวัด เช่น ภูเก็ต กระบี่ ชุมพร สุราษฎร์ฯ
  • ภาคเหนือ-อีสาน: แม่ฮ่องสอน ตาก ชัยภูมิ ขอนแก่น อุบลฯ ฯลฯ

คำแนะนำจากกรมอุตุฯ

  • หลีกเลี่ยงการอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ป้ายโฆษณา หรือสิ่งปลูกสร้างไม่มั่นคง
  • ชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันควร ระวังคลื่นสูง 1-2 เมตร (มากกว่า 2 เมตรเมื่อมีฝนฟ้าคะนอง)
  • เกษตรกรควรรีบป้องกันความเสียหายต่อพืชผลและสัตว์เลี้ยง
  • หลีกเลี่ยงการเดินทางผ่านเส้นทางน้ำท่วมซ้ำซาก

คาดการณ์ฝนในกรุงเทพฯ

  • ฝนตกหนัก 70% ของพื้นที่
  • อุณหภูมิสูงสุดวันนี้: 32–33 องศาเซลเซียส
  • ลมใต้พัดแรง 10–20 กม./ชม.

แม้จะยังอยู่ในช่วงฤดูร้อน แต่ฝนเริ่มมาเยือนอย่างจริงจังแล้วในหลายพื้นที่ ผู้ที่มีแพลนเดินทางในวันนี้อย่าลืม ตรวจสอบสภาพอากาศก่อนออกจากบ้าน และ พกร่มหรือเสื้อกันฝน ติดตัวไว้ตลอดวัน เพื่อความปลอดภัยและไม่ต้องเปียกฝนระหว่างวัน!

พยากรณ์อากาศ 13 พ.ค. 2568

กรมอุตุนิยมวิทยา เตือนพยากรณ์อากาศทั่วไทยรับมือฝนฟ้าคะนอง-ฝนตกหนัก โดยเฉพาะ 47 จังหวัดที่มีโอกาสเจอฝนถล่มและลมกระโชกแรง

วันนี้ (13 พ.ค.) กรมอุตุนิยมวิทยา เตือนพยากรณ์อากาศทั่วไทยรับมือฝนฟ้าคะนอง-ฝนตกหนัก โดยเฉพาะ 47 จังหวัดที่มีโอกาสเจอฝนถล่มและลมกระโชกแรง เสี่ยงน้ำท่วมขังเฉียบพลัน โดย กรุงเทพฯ และปริมณฑลมีฝนตกหนักถึง 70% ของพื้นที่


พายุฝนมาเพราะอะไร?

อากาศแปรปรวนเกิดจาก

  • ลมตะวันออกและตะวันออกเฉียงใต้ พาความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทยเข้าปกคลุม
  • บวกกับ อากาศร้อนจัดในประเทศไทยตอนบน
    ทำให้เกิดฝนตกหนักบางพื้นที่ โดยเฉพาะ ลุ่มต่ำ-พื้นที่ระบายน้ำยาก

พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม/ฝนตกหนักวันนี้

  • ภาคกลาง: อยุธยา กาญจนบุรี ราชบุรี สมุทรสาคร ฯลฯ (ฝนตก 70%)
  • ภาคตะวันออก: ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด (ฝนตก 80%)
  • ภาคใต้: เพชรบุรี ชุมพร สุราษฎร์ธานี ปัตตานี ฯลฯ (ฝนตก 70%)
  • กรุงเทพฯ และปริมณฑล: ฝนตกหนัก 70% ของพื้นที่

คำแนะนำ

  • หลีกเลี่ยงการอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่หรือป้ายโฆษณาที่ไม่มั่นคง
  • เกษตรกรควรเสริมค้างไม้ผล และป้องกันสัตว์เลี้ยง
  • ชาวเรือหลีกเลี่ยงออกเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง

สภาพอากาศแบบนี้ อาจทำให้ฝุ่นละอองลดลงในบางพื้นที่ แต่ก็เพิ่มความเสี่ยงด้านสุขภาพและความปลอดภัยในการเดินทาง โดยเฉพาะในช่วงเวลาเร่งด่วน ใครมีแพลนเดินทางหรือกิจกรรมนอกบ้านวันนี้ พกร่มและตรวจสภาพอากาศล่วงหน้าไว้ก่อนดีที่สุด

พระสันตะปาปาเลโอที่ 14 ชาวอเมริกันองค์แรก บนบัลลังก์นักบุญเปโตร

พระสันตะปาปาเลโอที่ 14 ทรงยึดแนวทางแบบสายกลาง (centrist) สนับสนุนการปฏิรูปของพระสันตะปาปาฟรานซิส และเน้นประเด็นความยุติธรรมทางสังคม

พระสันตะปาปาเลโอที่ 14 หรือ โรเบิร์ต ฟรานซิส เพรโวสต์ เป็นผู้นำองค์ใหม่ของพระศาสนจักรคาทอลิกที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2025 หลังการถึงแก่อสัญกรรมของพระสันตะปาปาฟรานซิส ถือเป็นพระสันตะปาปาองค์ที่ 267 และเป็นชาวอเมริกันคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ได้รับตำแหน่งสูงสุดของคริสตจักรคาทอลิก ด้วยอายุ 69 ปี พระองค์นำประสบการณ์ทั้งในภารกิจระดับท้องถิ่นและการบริหารระดับวาติกันมาสู่ตำแหน่งที่มีบทบาทสูงสุดทางศาสนา


ประวัติและการศึกษาพระสันตะปาปา

พระสันตะปาปาเลโอที่ 14 ประสูติที่เมืองชิคาโก สหรัฐอเมริกา ในปี ค.ศ. 1955 จบการศึกษาระดับปริญญาตรีด้านคณิตศาสตร์และปรัชญาจากมหาวิทยาลัยวิลลาโนวา ก่อนจะเข้าสู่เส้นทางศาสนาอย่างเต็มตัว โดยศึกษาต่อด้านเทววิทยาและกฎหมายศาสนจักรจนได้รับปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยโป๊ปเซนต์โทมัสอควีนาสในกรุงโรม


ภารกิจในเปรูและบทบาทในวาติกัน

พระองค์เริ่มต้นภารกิจเผยแผ่ศาสนาในประเทศเปรูตั้งแต่ปี 1985 และอยู่ที่นั่นเกือบสามทศวรรษในบทบาทมิชชันนารี อาจารย์ และผู้พิพากษาศาลศาสนจักร ต่อมาได้รับแต่งตั้งเป็นอัครสังฆราชแห่ง Chiclayo และได้รับสัญชาติเปรูในปี 2015 จนในปี 2023 ได้รับการแต่งตั้งเป็นคาร์ดินัลและหัวหน้าสำนักพระสังฆราช รวมถึงเป็นประธานคณะกรรมาธิการพระสันตะปาปาสำหรับลาตินอเมริกา


วิสัยทัศน์ผู้นำที่เน้นการรวมใจเป็นหนึ่งเดียว

พระสันตะปาปาเลโอที่ 14 ทรงยึดแนวทางแบบสายกลาง (centrist) สนับสนุนการปฏิรูปของพระสันตะปาปาฟรานซิส และเน้นประเด็นความยุติธรรมทางสังคม เช่น การดูแลผู้อพยพ โดยเฉพาะประสบการณ์ตรงกับผู้อพยพเวเนซุเอลาในเปรู ในสุนทรพจน์แรกหลังได้รับเลือก พระองค์ได้ย้ำถึงความเมตตา ความเปิดกว้าง และการฟังเสียงของผู้ศรัทธา

ด้วยประสบการณ์เชิงลึกในหลายทวีปและวิสัยทัศน์ที่ก้าวข้ามความขัดแย้งภายใน พระสันตะปาปาเลโอที่ 14 อาจเป็นผู้ขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญในศตวรรษที่ 21 ของพระศาสนจักร

“หมอวรงค์” จี้เอาผิด หมอช่วยทักษิณ ชี้ถึงเวลายุติธรรมต้องทำงาน

พรรคไทยภักดีเดินหน้าชูประเด็นความโปร่งใสในกระบวนการยุติธรรม พร้อมปลุกกระแสต้านเปิดกาสิโนในภาคใต้ หวังสร้างกระแสใหม่ก่อนศึกเลือกตั้งใหญ่ที่กำลังใกล้เข้ามา

นครศรีธรรมราช – บรรยากาศทางการเมืองในภาคใต้เริ่มคึกคัก หลัง นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี นำทีมเปิดเวทีประชุม “เมล็ดพันธุ์ใหม่ไทยภักดีสัญจร” ครั้งที่ 3 ที่โรงแรมเมืองลิกอร์ จ.นครศรีธรรมราช โดยมีสมาชิกพรรคกว่า 300 คนเข้าร่วม พร้อมปลุกพลังชาวใต้ให้ลุกขึ้นสู้ศึกเลือกตั้ง เพื่อกอบกู้ประเทศจากการเมืองที่ถูกเงินแทรกซึม


ชี้ปม “ชั้น 14” เป็นการใช้อำนาจมิชอบ

หนึ่งในประเด็นที่ นพ.วรงค์ กล่าวบนเวทีคือ กรณี นายทักษิณ ชินวัตร ที่รักษาตัวอยู่บนชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ โดยระบุว่า ได้รับข้อมูลจากไลน์แหล่งข่าวที่ระบุว่า มีผู้บริหาร รพ.ตำรวจ 2 รายถูก “พักใบประกอบวิชาชีพ” และเรื่องนี้กำลังเตรียมส่งต่อไปยังศาลฎีกา โดยมีหลักฐานจากแพทยสภา นอกจากนี้ยังกล่าวหาว่า การช่วยเหลืออดีตนายกฯ ไม่ได้มาจากแพทย์เท่านั้น แต่มี กรมราชทัณฑ์ มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย

“ถึงเวลาที่กฎหมายต้องเป็นกฎหมาย กระบวนการยุติธรรมต้องเดินหน้าอย่างจริงจัง ไม่มีอภิสิทธิ์สำหรับใคร”

นพ.วรงค์ ยังย้ำว่าจะส่งหลักฐานไปยัง ป.ป.ช. และดำเนินการฟ้องร้องผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด


ไทยภักดีต้านเปิดกาสิโน – ชี้รัฐบาลใช้เหตุผลบิดเบือน

ด้าน น.ส.กรรญดา ณ หนองคาย หัวหน้าพรรคไทยภักดี กล่าวถึงแนวคิดการเปิดกาสิโนและศูนย์รวมความบันเทิง (Entertainment Complex) ของรัฐบาลว่า เป็นเรื่องที่ประชาชน โดยเฉพาะคนใต้ ไม่ควรยอมรับ โดยระบุว่า รัฐบาลพยายามอ้างว่าไม่มีฮอลล์ใหญ่จึงทำให้ศิลปินระดับโลกไม่มาเปิดคอนเสิร์ตในไทย ซึ่งไม่เป็นความจริง เพราะ เทย์เลอร์ สวิฟต์ เคยจะมาแสดงที่เมืองทองธานีในปี 2557 แต่ต้องยกเลิกเพราะเหตุการณ์รัฐประหาร ไม่ใช่เรื่องสถานที่

“รัฐบาลอ้างเหตุผลบิดเบือนเพื่อผลักดันกาสิโน ถ้าคนใต้ไม่ลุกขึ้นคัดค้าน ประเทศนี้จะกลายเป็นแค่ตลาดทุนของนักการเมือง”


สรุป: พรรคไทยภักดีเดินหน้าชูประเด็นความโปร่งใสในกระบวนการยุติธรรม พร้อมปลุกกระแสต้านเปิดกาสิโนในภาคใต้ หวังสร้างกระแสใหม่ก่อนศึกเลือกตั้งใหญ่ที่กำลังใกล้เข้ามา

พยากรณ์อากาศประจำวันที่ 8 พฤษภาคม 2568

กรมอุตุฯ เตือนพายุฝนฟ้าคะนอง ลมแรง หลายพื้นที่ทั่วไทย เตรียมรับมือพายุฤดูร้อน 9–12 พ.ค.นี้

กรมอุตุฯ เตือนพายุฝนฟ้าคะนอง ลมแรง หลายพื้นที่ทั่วไทย เตรียมรับมือพายุฤดูร้อน 9–12 พ.ค.นี้

กรมอุตุนิยมวิทยาเผย พยากรณ์อากาศประจำวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 ระบุว่า ประเทศไทยตอนบนยังคงมีสภาพอากาศร้อนถึงร้อนจัดในบางพื้นที่ ขณะเดียวกันมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงบางแห่งจากลมใต้และตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดนำความชื้นเข้ามาปกคลุม โดยเฉพาะในภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคกลาง รวมถึงกรุงเทพฯ ต้องระวังอันตรายจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงกะทันหัน

ส่วนภาคใต้มีแนวโน้มฝนลดลงในบางพื้นที่ แต่ฝั่งตะวันตกยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง และอาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน-น้ำป่าไหลหลากได้ โดยเฉพาะบริเวณลาดเชิงเขา


พายุฤดูร้อนเริ่มพรุ่งนี้ (9 พ.ค.)

กรมอุตุฯ เตือนล่วงหน้า ช่วงวันที่ 9–12 พฤษภาคม 2568 ประเทศไทยตอนบนจะได้รับผลกระทบจาก พายุฤดูร้อน ที่เกิดจากอากาศร้อนปะทะมวลอากาศเย็นจากจีน ซึ่งจะทำให้เกิดฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ลูกเห็บตกบางแห่ง และฟ้าผ่า โดยเริ่มกระทบภาคอีสานก่อน และลามไปยังภาคอื่นๆ ในระยะถัดไป


พื้นที่เสี่ยงฝนฟ้าคะนองและลมแรงในวันนี้

  • ภาคเหนือ: เชียงใหม่, ตาก, กำแพงเพชร, สุโขทัย, พิษณุโลก, เพชรบูรณ์
  • ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: เลย, หนองคาย, อุดรธานี, นครราชสีมา, ชัยภูมิ
  • ภาคกลาง: นครสวรรค์, อุทัยธานี, ลพบุรี, สระบุรี, ราชบุรี
  • ภาคตะวันออก: ชลบุรี, ระยอง, จันทบุรี, ตราด
  • กรุงเทพฯ และปริมณฑล: ฝนฟ้าคะนอง 30% ของพื้นที่ ช่วงบ่ายถึงเย็น

คำแนะนำประชาชน

  • หลีกเลี่ยงการอยู่กลางแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ หรือใกล้สิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรง
  • เกษตรกรควรเตรียมป้องกันผลผลิตจากลมแรงและฝนตกหนัก
  • ชาวเรือและผู้ประกอบการชายฝั่งควรระวังคลื่นสูง โดยเฉพาะช่วงมีฝนฟ้าคะนอง