เคลวิน เข้าเยี่ยม มิน พีชญา ที่ทัณฑสถานหญิงกลาง

รายงานข่าวระบุว่า คุณแม่ และ เคลวิน ตีรวัฒนานนท์ แฟนหนุ่มของ มิน พีชญา ได้เดินทางมาเยี่ยมเธอที่ ทัณฑสถานหญิงกลาง

นางเอกสาวชื่อดัง มิน พีชญา ที่ถูกออกหมายจับในปมธุรกิจขายตรง The Icon Group ขณะนี้เป็นผู้ต้องขังหญิงที่กำลังรอพิสูจน์ความบริสุทธิ์ และต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรม ซึ่งเมื่อวันที่ 22 ตุลาคมที่ผ่านมา ถือเป็นวันแรกที่ญาติสามารถเข้าเยี่ยมได้ หลังจากครบกำหนดกักโรค

รายงานข่าวระบุว่า คุณแม่ และ เคลวิน ตีรวัฒนานนท์ แฟนหนุ่มของ มิน พีชญา ได้เดินทางมาเยี่ยมเธอที่ ทัณฑสถานหญิงกลาง ซึ่งเป็นการแสดงออกถึงความรักและการสนับสนุนที่ยังคงมีให้กันเสมอในช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้

ในอินสตาแกรมของ เคลวิน แฟนหนุ่ม มีชาวเน็ตและแฟนคลับจำนวนมากเข้ามาแสดงความคิดเห็นแสดงความเป็นห่วงและส่งกำลังใจ เช่น “อย่าทิ้ง อย่าปล่อยมือ มิน พีชญา” แสดงให้เห็นถึงการสนับสนุนที่มีต่อทั้งคู่ในช่วงเวลาที่ท้าทายนี้

เรื่องราวของ มิน พีชญา ยังคงเป็นที่จับตามองจากสังคม และทุกคนต่างรอคอยการพิสูจน์ความจริงต่อไปในกระบวนการยุติธรรม

เยาวชนเกาหลีเหนือ สมัครเข้ากองทัพกว่าล้านคน

ข่าวต่างประเทศ รายงานจาก KCNA ระบุว่าเยาวชนเกาหลีเหนือ รวมถึงนักศึกษาและเจ้าหน้าที่จากสหพันธ์เยาวชน ได้ลงทะเบียนเพื่อสมัครเข้าร่วมหรือกลับเข้ากองทัพเป็นจำนวนมาก

ความตึงเครียดระหว่างเกาหลีเหนือ และ เกาหลีใต้ยังคงพุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ ในปี 2567 โดยล่าสุด สำนักข่าวกลางเกาหลี (KCNA) รายงานว่า มีเยาวชนเกาหลีเหนือมากกว่า 1.4 ล้านคนสมัครเข้าร่วมกองทัพภายในระยะเวลาเพียง 2 วัน เพื่อร่วมต่อสู้ในสิ่งที่พวกเขาเรียกว่า “สงครามศักดิ์สิทธิ์” ท่ามกลางความขัดแย้งที่เพิ่มสูงขึ้นบนคาบสมุทรเกาหลี

เกาหลีเหนืออ้างเยาวชนแห่เข้าร่วมกองทัพมากกว่า 1.4 ล้านคน

ข่าวต่างประเทศ รายงานจาก KCNA ระบุว่าเยาวชนเกาหลีเหนือ รวมถึงนักศึกษาและเจ้าหน้าที่จากสหพันธ์เยาวชน ได้ลงทะเบียนเพื่อสมัครเข้าร่วมหรือกลับเข้ากองทัพเป็นจำนวนมาก การกระทำนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของประชาชนในชาติที่ต้องการปกป้องประเทศจากศัตรู โดย KCNA ย้ำว่าความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นนี้จะนำไปสู่ “การต่อสู้เพื่อทำลายล้างศัตรูด้วยอาวุธแห่งการปฏิวัติ”

นอกจากนี้ ยังมีคำขู่จากรัฐบาลเกาหลีเหนือที่เตือนว่า หากเกิดสงครามขึ้น สาธารณรัฐเกาหลี หรือเกาหลีใต้จะ “ถูกลบหายไปจากแผนที่” ซึ่งเป็นการเพิ่มแรงกดดันและความขัดแย้งระหว่างสองประเทศบนคาบสมุทรเกาหลี

การปะทะระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ทวีความรุนแรง

สถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลีเกิดความตึงเครียดอย่างหนักในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา โดยเฉพาะกรณีล่าสุดที่เกาหลีเหนือระเบิดถนนและทางรถไฟที่เชื่อมต่อกับเกาหลีใต้ นอกจากนี้ ยังมีการกล่าวหาว่าเกาหลีใต้ส่งโดรนเข้ามาในพื้นที่กรุงเปียงยางเพื่อลอบปล่อยใบปลิวโฆษณาชวนเชื่อ สิ่งเหล่านี้นำไปสู่การตอบโต้ด้วยอาวุธจากกองทัพเกาหลีใต้ รวมถึงการยิงปืนขู่เพื่อแสดงความพร้อมในการป้องกันประเทศ

นักวิเคราะห์เชื่อว่าสถานการณ์จะไม่บานปลายเป็นสงคราม

แม้ความตึงเครียดจะเพิ่มสูงขึ้น แต่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนยังเชื่อว่าสถานการณ์ระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ไม่น่าจะบานปลายไปถึงการทำสงครามเต็มรูปแบบ ศ. คัง ทง-วาน ผู้เชี่ยวชาญด้านการเมืองระบุว่า “รัฐบาลเกาหลีเหนือมักใช้การเผชิญหน้าทางทหารเพื่อเสริมสร้างความภักดีต่อรัฐบาลภายในประเทศ” และยังเชื่อว่าเปียงยางมีเป้าหมายในการใช้ความตึงเครียดนี้เพื่อเพิ่มการสนับสนุนภายในประเทศมากกว่าการเปิดฉากสงคราม

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ยังชี้ให้เห็นว่า เกาหลีใต้และเกาหลีเหนือต่างอยู่ในภาวะที่ไม่มีใครยอมประนีประนอม แต่สถานการณ์อาจยังคงอยู่ในระดับของ “สงครามน้ำลาย” มากกว่าการปะทะทางทหารอย่างแท้จริง

สรุป การเพิ่มจำนวนของเยาวชนเกาหลีเหนือ ที่สมัครเข้าร่วมกองทัพ ท่ามกลางความตึงเครียดที่เพิ่มสูงขึ้น แสดงให้เห็นถึงความขัดแย้งระหว่างสองเกาหลีที่ยังคงคุกรุ่นอยู่

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์เชื่อว่าสถานการณ์จะไม่บานปลายเป็นสงครามเต็มรูปแบบ แต่ยังคงเป็นความตึงเครียดทางการเมืองที่ใช้เพื่อสร้างแรงกดดันทั้งภายในและภายนอกประเทศ

เลียม เพย์น One Direction เสียชีวิตในวัย 31 ปี ที่อาร์เจนตินา

ข่าวสุดช็อกในวงการเพลง เมื่อ เลียม เพย์น (Liam Payne) อดีตสมาชิกวงบอยแบนด์ระดับโลก One Direction

ข่าวสุดช็อกในวงการเพลง เมื่อ เลียม เพย์น (Liam Payne) อดีตสมาชิกวงบอยแบนด์ระดับโลก One Direction เสียชีวิตในวัยเพียง 31 ปี ที่โรงแรม Casa Sur กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2567

โดยสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เพย์นตกลงมาจากชั้น 3 ของโรงแรม และจากแถลงการณ์ของโฆษกกระทรวงความมั่นคงแห่งบัวโนสไอเรสยืนยันว่าเหตุการณ์นี้เกิดจากการที่เพย์นกระโดดลงจากระเบียงห้องของตนเอง หลังเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งว่ามีชายแสดงอาการก้าวร้าว อาจอยู่ภายใต้อิทธิพลของยาและแอลกอฮอล์

การเดินทางในวงการเพลงและการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่

เลียม เพย์น เข้าสู่วงการบันเทิงจากการออดิชันรายการ The X Factor ในปี 2008 และกลับมาอีกครั้งในปี 2010 จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของวง One Direction ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามทั่วโลก วงมีอัลบั้มติดอันดับ 1 ของอังกฤษถึง 4 อัลบั้ม มียอดขายกว่า 70 ล้านแผ่น และประสบความสำเร็จอย่างมากกับซิงเกิลและการแสดงคอนเสิร์ตทั่วโลก

ผลงานเดี่ยวและชีวิตส่วนตัว

หลังการพักวงในปี 2015 เพย์นเปิดตัวผลงานเดี่ยวในปี 2017 ด้วยซิงเกิล Strip That Down ที่ไต่ชาร์ตสูงถึงอันดับ 3 ในสหราชอาณาจักร และผลงานร่วมกับ ริต้า โอรา ในเพลง For You ซาวด์แทร็กภาพยนตร์เรื่อง Fifty Shades Freed ก็ติด 10 อันดับแรกเช่นกัน ในด้านชีวิตส่วนตัว เพย์นแต่งงานกับ เชอรีล โคล ในปี 2016 และมีลูกชายด้วยกันก่อนที่จะเลิกราในปี 2018

การสูญสีย เลียม เพย์น เป็นความเศร้าโศกที่ส่งผลต่อวงการบันเทิงอย่างลึกซึ้ง แฟนๆ และผู้ที่รักเขาต่างร่วมแสดงความอาลัยต่อการจากไปของนักร้องมากความสามารถผู้นี้

ประวิตร เซ็นชื่อยืนยันตัวตนที่สภา ก่อนเดินทางออกทันที

ข่าวการเมืองวันนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้เดินทางมายังอาคารรัฐสภาในช่วงเช้าตรู่

เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2567 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้เดินทางมายังอาคารรัฐสภาในช่วงเช้าตรู่ เวลาประมาณ 07.40 น. พร้อมด้วยทีมอารักขาส่วนตัว เพื่อทำการเซ็นชื่อยืนยันตัวตน ก่อนการประชุมสภาผู้แทนราษฎรจะเริ่มขึ้นในเวลา 09.00 น. หลังจากที่เซ็นชื่อเรียบร้อยแล้ว พล.อ.ประวิตรได้ออกจากอาคารรัฐสภาทันที โดยไม่ได้เข้าร่วมการประชุม

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากที่มีการตรวจสอบการขาดประชุมของ พล.อ.ประวิตร โดย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทยและอดีต สส.พรรคเพื่อไทย ได้เปิดเผยข้อมูลว่า ตั้งแต่วันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2566 จนถึงวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2567 ที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตร ขาดการประชุมสภาผู้แทนราษฎรไปถึง 84 ครั้ง จากการประชุมทั้งหมด 95 ครั้ง

ข่าวการเมืองวันนี้ การที่ พล.อ.ประวิตร ไม่ได้ปรากฏตัวที่อาคารรัฐสภาเป็นเวลานาน สร้างความสนใจให้กับสาธารณชน โดยเฉพาะหลังจากช่วงปลายปี พ.ศ. 2566 ที่มีการลงคะแนนเลือกบุคคลดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ทำให้เกิดคำถามต่อการทำหน้าที่ของ พล.อ.ประวิตร ในฐานะ สส.บัญชีรายชื่อ

แม้จะมีการตั้งคำถามและข้อสงสัยมากมาย แต่การปรากฏตัวครั้งนี้ของ พล.อ.ประวิตร ดูเหมือนจะเป็นเพียงการมาเซ็นชื่อยืนยันตัวตนโดยไม่ได้เข้าร่วมการประชุม ซึ่งยังคงสร้างความสนใจจากสื่อและประชาชนต่อไป4o

ประวัติ ธเนตร วงษา เจ้าของวลีเด็ด ขยันถูกที่ปีเดียวรวย

ธเนตร วงษา เป็นที่รู้จักในฐานะนักธุรกิจพันล้านและอดีตผู้สมัครผู้ว่าฯ กรุงเทพมหานคร หมายเลข 14 ในการเลือกตั้งปี พ.ศ. 2565 ที่ผ่านมา

ธเนตร วงษา เป็นที่รู้จักในฐานะนักธุรกิจพันล้านและอดีตผู้สมัครผู้ว่าฯ กรุงเทพมหานคร หมายเลข 14 ในการเลือกตั้งปี พ.ศ. 2565 ที่ผ่านมา เขาเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในวงการธุรกิจขายตรงและมีชื่อเสียงในวงการธุรกิจไทยมานานกว่า 30 ปี ธเนตรเคยเป็นพนักงานใน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ก่อนจะก้าวออกมาสร้างตัวในวงการธุรกิจขายตรง ซึ่งเขาประสบความสำเร็จสูงสุดจากการทำงานร่วมกับบริษัท เจอเนสส์ โกลบอล (ประเทศไทย) ที่เขาเคยร่วมงานกับ บอสพอล วรัตน์พล วรัทย์วรกุล เจ้าของ The iCON Group

ธเนตร วงษา  ได้ยืนยันในรายการ กรรมกรข่าว คุยนอกจอ กับ สรยุทธ สุทัศนจินดา ว่าตนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจผิดกฎหมาย และเคยทำธุรกิจขายตรงอย่างซื่อสัตย์มาตลอดชีวิต เขายังยอมรับว่าสนิทสนมกับบอสพอล เพราะบอสพอลเคยเป็นลูกทีมของตนมาก่อนในช่วงที่ทำงานขายตรงด้วยกันนานถึง 7 ปี ก่อนที่บอสพอลจะออกไปก่อตั้ง The iCON Group

หนึ่งในผลงานที่โดดเด่นของธเนตร คือการออกหนังสือชื่อ “ขยันถูกที่ ปีเดียวก็รวย” หนังสือที่ได้รับความนิยมอย่างสูง โดยภายในเล่มได้แนะนำแนวทางสู่ความสำเร็จทางธุรกิจอย่างเป็นระบบ ผ่านประสบการณ์ของเขาเองที่ทำให้เขากลายเป็นเศรษฐีพันล้าน หนังสือเล่มนี้มี 9 หัวข้อสำคัญที่สอนวิธีคิดและการดำเนินธุรกิจ ซึ่งได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับคนไทยจำนวนมากในการก้าวสู่ความสำเร็จทางการเงิน

นอกจากการเป็นนักธุรกิจแล้ว ธเนตร วงษา ยังเคยลงสมัครเป็นผู้ว่าฯ กรุงเทพมหานครในปี พ.ศ. 2565 ด้วยแนวคิดที่ต้องการมอบความสุขและความสำเร็จให้กับคนกรุงเทพฯ เขามาพร้อมกับนโยบายที่หลากหลาย เช่น การเพิ่มรายได้ให้กับประชาชน การแก้ไขปัญหาการจราจร และการส่งเสริมสุขภาพของคนกรุงเทพฯ โดยมุ่งเน้นให้ทุกนโยบายของเขามีผลลัพธ์ที่ชัดเจนและทำได้จริง

นโยบายสำคัญที่ธเนตร วงษา มุ่งเน้นในการสมัครผู้ว่าฯ กทม. ได้แก่

  1. การสร้างรายได้ให้ประชาชนเพิ่มขึ้น 1-10 เท่า
  2. การแก้ปัญหารถติดด้วยแนวคิดใหม่ที่เห็นผลใน 7 วัน
  3. การสร้างโปรโมชั่นส่งเสริมการท่องเที่ยวในกรุงเทพฯ โดยใช้แหล่งท่องเที่ยวทางสมุนไพร เช่น ไร่ฟ้าทะลายโจร ไร่กระชายขาว

ด้วยแนวคิดและประสบการณ์ที่สั่งสมมากว่า 30 ปี ธเนตร วงษา ยังคงเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลในวงการธุรกิจและสังคมไทย และยังคงส่งต่อแนวทางความสำเร็จให้กับคนรุ่นใหม่ในทุกด้าน

ติ๊ก ชิโร่ เมาเกินกฎหมายกำหนด ตำรวจแจ้ง 5 ข้อหา

ความคืบหน้าของคดีอุบัติเหตุที่ ติ๊ก ชิโร่ หรือ นายศิริศักดิ์ นันทเสน นักร้องดังยุค 90 ขับรถตู้ชนกับรถจักรยานยนต์ที่จอดริมทาง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บสาหัส 1 ราย

ผลตรวจพบแอลกอฮอล์ในเลือดเกินกฎหมาย ติ๊ก ชิโร่ ถูกแจ้ง 5 ข้อหา

ความคืบหน้าของคดีอุบัติเหตุที่ ติ๊ก ชิโร่ หรือ นายศิริศักดิ์ นันทเสน นักร้องดังยุค 90 ขับรถตู้ชนกับรถจักรยานยนต์ที่จอดริมทาง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บสาหัส 1 ราย ล่าสุดวันที่ 15 ตุลาคม พันตำรวจเอก นเรนทร์ เครื่องสนุก ผกก.สน.คันนายาว ได้ยืนยันว่าผลตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดของติ๊ก ชิโร่ พบว่าเกินกว่ากฎหมายกำหนด ซึ่งถือว่าเป็นเหตุร้ายแรง


ติ๊ก ชิโร่ ถูกแจ้ง 5 ข้อหาหนัก

จากผลตรวจที่พบแอลกอฮอล์ในเลือดเกินกฎหมายกำหนด เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหา 5 ข้อหาต่อ ติ๊ก ชิโร่ ได้แก่

  1. ขับขี่รถในขณะเมาสุราหรือของมึนเมาเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
  2. เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส
  3. ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
  4. เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส
  5. ทรัพย์สินของผู้อื่นเสียหาย

ขั้นตอนต่อไปคือการนัดเจรจาค่าสินไหมทดแทนและค่าเสียหายกับคู่กรณีทั้งสองฝ่าย หลังจากนั้นพนักงานสอบสวนจะรวบรวมพยานหลักฐานส่งต่ออัยการเพื่อฟ้องศาลตามกระบวนการยุติธรรม


เส้นทางสู่กระบวนการยุติธรรม

หลังจากได้รับข้อกล่าวหา ติ๊ก ชิโร่ ต้องเผชิญกับกระบวนการทางกฎหมายอย่างเต็มรูปแบบ โดยตำรวจจะส่งหลักฐานทั้งหมดไปยังอัยการเพื่อดำเนินการฟ้องร้องทางศาลในลำดับถัดไป ขณะนี้ยังต้องรอการเจรจากับผู้เสียหายเพื่อเรียกค่าสินไหมทดแทน

เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่เพียงสร้างความสูญเสียต่อชีวิต แต่ยังส่งผลกระทบใหญ่หลวงต่อชื่อเสียงของติ๊ก ชิโร่ ที่เคยเป็นที่รู้จักในฐานะศิลปินดัง

งานหนังสือ 2567 งานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 29 ปี 2567

งานหนังสือ 2567 งานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 29 ปี 2567 จะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 10-20 ตุลาคม 2567 ที่ ฮอลล์ 5-7 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

งานหนังสือ 2567 วันที่และสถานที่จัดงาน

งานหนังสือ 2567  งานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 29 ปี 2567 จะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 10-20 ตุลาคม 2567 ที่ ฮอลล์ 5-7 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยเปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 10.00-21.00 น. ทุกวัน

ธีมงานหนังสือ 2567 

ปีนี้งานมหกรรมหนังสือจัดขึ้นภายใต้ธีม “ผี” ในคอนเซปต์ “อ่านกันยันโลกหน้า” สร้างความตื่นเต้นให้กับนักอ่านที่ชื่นชอบแนวลี้ลับและความสนุกสนานจากเรื่องผี

ไฮไลต์งานหนังสือ

  • มีบูธร้านค้ากว่า 317 บูธ จากสำนักพิมพ์ชั้นนำ
  • มีหนังสือให้เลือกสรรมากกว่า 2 ล้านเล่ม ทั้งหนังสือใหม่และหนังสือหายาก
  • เตรียมเปิดตัวหนังสือใหม่กว่า 3,000 เล่ม สำหรับนักอ่านที่รักการค้นพบผลงานใหม่ๆ

โซนต่างๆ ภายในงาน

ภายในงานหนังสือ 2567 มีการจัดโซนหนังสือหลากหลายหมวดหมู่ เพื่อตอบโจทย์ทุกเพศทุกวัย ได้แก่:

  • โซนหนังสือทั่วไป: รวมหนังสือความรู้และเรื่องราวหลากหลาย
  • โซนหนังสือเด็กและการศึกษา: เหมาะสำหรับเด็กและครอบครัว
  • โซนหนังสือเก่า: สำหรับผู้ที่ชื่นชอบสะสมหนังสือโบราณ
  • โซนนิยายและวรรณกรรม: รวมทั้งนิยายไทยและต่างประเทศ
  • โซนการ์ตูนและวัยรุ่น: หนังสือการ์ตูนและวรรณกรรมสำหรับวัยรุ่น
  • โซน Non Books: สินค้าอื่นๆ ที่ไม่ใช่หนังสือ

กิจกรรมที่น่าสนใจ

งานมหกรรมหนังสือครั้งนี้มีกิจกรรมมากมายให้นักอ่านได้เพลิดเพลิน ได้แก่

  • ประกวดแต่งกายเป็น “ผีจากหนังสือผีเล่มโปรด”: สนุกกับการแต่งตัวในธีมผีสุดโปรด
  • แข่งขันสุดยอดนักขายเรื่องผี: ค้นหาผู้มีทักษะในการเล่าเรื่องผีอย่างชวนหลอน
  • เวิร์กชอปร่วมกับนักเขียน: โอกาสพิเศษในการทำเวิร์กชอปกับนักเขียนชั้นนำ
  • Global Author Spotlight: พบปะและพูดคุยกับนักเขียนชื่อดังจากต่างประเทศ
  • Book Swap: แลกเปลี่ยนหนังสือกับนักอ่านคนอื่นที่มีความชอบในแนวเดียวกัน
  • Kids Wall Painting: เปิดโอกาสให้น้องๆ ร่วมระบายสีผนังการ์ตูนใหญ่ เพียงโชว์หนังสือที่ซื้อภายในงาน
  • นิทรรศการ Key Visual และ “เพลน ผี บอก”: สัมผัสบรรยากาศลี้ลับอย่างใกล้ชิดกับ “กระสือแอร์ไลน์”
  • แข่งขันเขียนเรื่องสยอง 2 บรรทัด: ท้าทายนักเขียนให้สร้างความหลอนในเวลาอันสั้น

วิธีการเดินทางไปงานหนังสือ

เพื่อความสะดวกในการเดินทาง แนะนำให้ใช้บริการขนส่งสาธารณะเนื่องจากการจราจรที่คาดว่าจะหนาแน่น:

รถไฟฟ้า MRT

  • MRT: ลงที่สถานี ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (ทางออก 3)

รถไฟฟ้า BTS และ Airport Link

  • BTS: ลงสถานี สีลม หรือ อโศก แล้วเชื่อมต่อ MRT มายังสถานีศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
  • Airport Link: ลงสถานี มักกะสัน แล้วเชื่อมต่อ MRT ที่สถานีเพชรบุรี

รถโดยสารประจำทาง

  • สาย 22, 102, 107, 136, 180, 185, 519, 3-54, 3-55, 71

บริการ LINE MAN RIDE

  • LINE MAN Eco: ใช้โค้ด “BOOKECO” รับส่วนลด 50 บาท
  • LINE MAN Bike: ใช้โค้ด “BOOKBIKE” รับส่วนลด 30 บาท

รถยนต์ส่วนตัว

  • ค่าจอดรถ: จอดฟรี 2 ชั่วโมงแรก และชั่วโมงต่อไป 30 บาท/ชั่วโมง

NOAA เตือนภัย พายุแม่เหล็กโลกระดับร้ายแรง G4 เสี่ยงทวีความรุนแรง

พายุแม่เหล็กโลก เกิดจากการปะทุของลมสุริยะที่พุ่งเข้าหาสนามแม่เหล็กโลก ทำให้เกิดความปั่นป่วนในชั้นบรรยากาศโลก ถึงแม้ปรากฏการณ์นี้จะเกิดขึ้นในอวกาศ

การเตือนภัยพายุแม่เหล็กโลกจาก NOAA

เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2567 เพจเฟซบุ๊กสมาคมดาราศาสตร์ไทยได้ออกประกาศเตือนถึงพายุแม่เหล็กโลกที่อาจทวีความรุนแรง โดยระบุว่า NOAA (องค์การบริหารมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศแห่งชาติสหรัฐอเมริกา) ได้เฝ้าระวังพายุแม่เหล็กโลกระดับ G4 ซึ่งอาจทวีความรุนแรงสู่ระดับ G5 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดที่สามารถสร้างผลกระทบอย่างมากต่อเทคโนโลยีอวกาศ ระบบสื่อสาร และการส่งกำลังไฟฟ้า

พายุแม่เหล็กโลกคืออะไร และเกิดจากอะไร?

พายุแม่เหล็กโลก เกิดจากการปะทุของลมสุริยะที่พุ่งเข้าหาสนามแม่เหล็กโลก ทำให้เกิดความปั่นป่วนในชั้นบรรยากาศโลก ถึงแม้ปรากฏการณ์นี้จะเกิดขึ้นในอวกาศ แต่ก็ส่งผลกระทบต่อดาวเทียม การส่งสัญญาณไฟฟ้า และการสื่อสารวิทยุ อย่างไรก็ตาม ผลกระทบโดยตรงต่อมนุษย์มีไม่มากนัก ยกเว้นอาจมีผลกระทบต่อมนุษย์อวกาศและยานอวกาศที่อยู่นอกชั้นบรรยากาศโลก เนื่องจากไม่ได้รับการปกป้องจากสนามแม่เหล็กของโลก

ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากพายุแม่เหล็กโลก

ผลกระทบจากพายุแม่เหล็กโลกระดับ G4 ได้แก่ความเสียหายต่อระบบควบคุมแรงดันไฟฟ้าในบางพื้นที่ ระบบสื่อสารดาวเทียมอาจได้รับผลกระทบ การกระจายสัญญาณความถี่สูงอาจขัดข้องเป็นระยะ และยังมีโอกาสที่แสงออโรร่าจะปรากฏให้เห็นในพื้นที่ที่อยู่ใกล้ขั้วโลก เช่น สหรัฐอเมริกาตอนเหนือ หรือแอละแบมาและแคลิฟอร์เนียตอนเหนือ

หากพายุแม่เหล็กโลก รุนแรงขึ้นถึงระดับ G5 ซึ่งเป็นระดับสุดขั้ว ระบบไฟฟ้าทั้งบนพื้นผิวโลกและในอวกาศอาจเสียหายอย่างถาวรได้ ซึ่งอาจส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก

การแปลและการสะกดชื่อเดือนภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทย

ชื่อเดือนในภาษาอังกฤษ ยังมีความคล้ายคลึงกับภาษาไทยในหลายแง่มุม ทำให้คนไทยสามารถเรียนรู้ได้ง่าย

การรู้จักและจดจำชื่อเดือนทั้ง 12 เดือนในภาษาอังกฤษเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะในยุคที่การสื่อสารกับผู้คนจากต่างประเทศเป็นเรื่องปกติ นอกจากนี้ ชื่อเดือนในภาษาอังกฤษยังมีความคล้ายคลึงกับภาษาไทยในหลายแง่มุม ทำให้คนไทยสามารถเรียนรู้ได้ง่าย

ในบทความนี้ เราจะนำเสนอวิธีการแปลและสะกดชื่อเดือนภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทย รวมถึงคำอ่านเพื่อให้ผู้อ่านสามารถนำไปใช้ได้ในชีวิตประจำวันอย่างมีประสิทธิภาพ

ชื่อเดือนในภาษาอังกฤษ

1. January – มกราคม

“January” เป็นเดือนแรกของปี ซึ่งในภาษาไทยเรียกว่า “มกราคม” คำอ่านว่า มะ-กะ-รา-คม เดือนนี้ถือเป็นเดือนแห่งการเริ่มต้นสิ่งใหม่ในหลาย ๆ วัฒนธรรม

2. February – กุมภาพันธ์

เดือน “February” ในภาษาไทยเรียกว่า “กุมภาพันธ์” คำอ่านว่า กุม-พา-พัน ชื่อเดือนนี้มีที่มาจากเทศกาลและการทำพิธีกรรมตามความเชื่อทางศาสนาในหลายพื้นที่ทั่วโลก

3. March – มีนาคม

“March” เป็นเดือนที่สามของปี ในภาษาไทยคือ “มีนาคม” คำอ่านว่า มี-นา-คม เป็นเดือนที่หลายประเทศเริ่มเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ

4. April – เมษายน

เดือน “April” ในภาษาไทยเรียกว่า “เมษายน” คำอ่านว่า เม-สะ-ยา-น เดือนนี้เป็นที่รู้จักในฐานะเดือนแห่งการเฉลิมฉลองสงกรานต์ในประเทศไทย

5. May – พฤษภาคม

“May” เป็นเดือนที่ห้า ในภาษาไทยเรียกว่า “พฤษภาคม” คำอ่านว่า พฤ-สะ-ภา-คม เดือนนี้เป็นช่วงเวลาที่หลายคนเตรียมตัวสำหรับฤดูฝนในประเทศไทย

6. June – มิถุนายน

เดือน “June” ในภาษาไทยคือ “มิถุนายน” คำอ่านว่า มิ-ถุ-นา-ยน เดือนนี้เป็นเดือนที่เริ่มเข้าสู่ช่วงกลางปี และเป็นช่วงเวลาของการเพาะปลูกในหลายพื้นที่

7. July – กรกฎาคม

“July” ในภาษาไทยเรียกว่า “กรกฎาคม” คำอ่านว่า กะ-ระ-กะ-ดา-คม เดือนนี้เป็นช่วงที่ประเทศไทยอยู่ในฤดูฝนอย่างเต็มที่

8. August – สิงหาคม

เดือน “August” เป็นเดือนที่แปดของปี ภาษาไทยเรียกว่า “สิงหาคม” คำอ่านว่า สิง-หา-คม เดือนนี้ถือเป็นเดือนแห่งความยิ่งใหญ่ และเป็นช่วงเวลาที่หลายประเทศมีการเฉลิมฉลองทางวัฒนธรรม

9. September – กันยายน

“September” เป็นเดือนที่เก้า ในภาษาไทยเรียกว่า “กันยายน” คำอ่านว่า กัน-ยา-ยน เดือนนี้เป็นช่วงเริ่มต้นของฤดูใบไม้ร่วงในหลายประเทศทางตะวันตก

10. October – ตุลาคม

เดือน “October” ในภาษาไทยคือ “ตุลาคม” คำอ่านว่า ตุ-ลา-คม เป็นเดือนที่มีวันสำคัญหลายวัน ทั้งในทางศาสนาและวัฒนธรรมในประเทศไทย

11. November – พฤศจิกายน

“November” ในภาษาไทยเรียกว่า “พฤศจิกายน” คำอ่านว่า พฤ-สะ-จิ-กา-ยน เป็นเดือนที่มีเทศกาลลอยกระทงในประเทศไทย ซึ่งเป็นเทศกาลสำคัญของชาวไทย

12. December – ธันวาคม

“December” เป็นเดือนสุดท้ายของปี ในภาษาไทยคือ “ธันวาคม” คำอ่านว่า ทัน-วา-คม เป็นเดือนแห่งการเฉลิมฉลองและการสรุปผลงานของปีที่ผ่านมา

สรุป

การรู้จักและจดจำชื่อเดือนภาษาอังกฤษเป็นทักษะที่มีประโยชน์ในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องสื่อสารในบริบทที่เป็นสากล การใช้ชื่อเดือนที่ถูกต้องตามทั้งภาษาอังกฤษและไทยจะช่วยให้การสื่อสารเป็นไปอย่างราบรื่น นอกจากนี้ การรู้จักการอ่านออกเสียงที่ถูกต้องยังช่วยให้คุณดูเป็นมืออาชีพยิ่งขึ้น

ประวัติ และ ความหมายของชื่อเดือนในภาษาไทย

ชื่อของเดือนทั้ง 12 เดือนในภาษาไทยนั้น มีรากศัพท์และความหมายที่น่าสนใจ หากเรามองย้อนกลับไปถึงต้นกำเนิดของการตั้งชื่อเดือน

ประเทศไทย มีระบบการเรียกชื่อเดือนที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยชื่อของเดือนทั้ง 12 เดือนในภาษาไทยนั้น มีรากศัพท์และความหมายที่น่าสนใจ หากเรามองย้อนกลับไปถึงต้นกำเนิดของการตั้งชื่อเดือน เราจะพบว่าชื่อเดือนในภาษาไทยนั้นถูกประยุกต์มาจากหลายวัฒนธรรม ทั้งจากภาษาเขมรและภาษาสันสกฤต ซึ่งทำให้การเรียกชื่อเดือนในไทยไม่เหมือนกับในปฏิทินสากล บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับประวัติและความหมายของแต่ละเดือนในภาษาไทยอย่างละเอียด

มกราคม

เดือนแรกของปี “มกราคม” มาจากคำภาษาสันสกฤตว่า “มกร” ซึ่งหมายถึงราศีมกรหรือราศีมังกร เป็นสัญลักษณ์ของสัตว์ในตำนานที่มีรูปร่างเป็นครึ่งปลาและครึ่งแพะ คำว่า “กร” นั้นหมายถึงการขยับเขยื้อนหรือการดำเนินไปข้างหน้า สื่อถึงการเริ่มต้นสิ่งใหม่ในปีใหม่

กุมภาพันธ์

คำว่า “กุมภาพันธ์” มีรากศัพท์มาจากคำว่า “กุมภ” ซึ่งแปลว่า “หม้อน้ำ” สัญลักษณ์ของราศีกุมภ์ในจักรราศี หม้อน้ำเป็นสัญลักษณ์ของการแบ่งปันและการให้ ในสมัยโบราณ เดือนนี้เป็นช่วงเวลาที่ประชาชนเตรียมตัวสำหรับฤดูเพาะปลูก

มีนาคม

เดือน “มีนาคม” มาจากคำว่า “มีน” ซึ่งแปลว่า “ปลา” ราศีมีนเป็นราศีที่สิบสองของจักรราศี เป็นเดือนที่เชื่อมโยงกับน้ำและความอุดมสมบูรณ์ เดือนนี้มักถูกมองว่าเป็นเดือนแห่งการเตรียมตัวสำหรับฤดูเพาะปลูกที่ใกล้เข้ามา

เมษายน

“เมษายน” มาจากคำว่า “เมษ” ซึ่งหมายถึง “แกะ” สัญลักษณ์ของราศีเมษ เป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่งและการเริ่มต้นสิ่งใหม่ เดือนเมษายนยังเป็นเดือนที่ประเทศไทยเฉลิมฉลองเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งเป็นการเริ่มต้นปีใหม่ไทยอีกด้วย

พฤษภาคม

เดือน “พฤษภาคม” มาจากคำว่า “พฤษภ” ซึ่งแปลว่า “วัว” วัวเป็นสัญลักษณ์ของการทำงานหนักและความมั่นคง ซึ่งสะท้อนถึงการเตรียมตัวสำหรับฤดูกาลเก็บเกี่ยว ในอดีต เดือนนี้เป็นเดือนที่ชาวนาเริ่มต้นทำงานหนักในท้องไร่ท้องนา

มิถุนายน

“มิถุนายน” มาจากคำว่า “มิถุน” ซึ่งแปลว่า “คู่แฝด” เป็นสัญลักษณ์ของราศีเมถุน ในจักรราศี แสดงถึงความเป็นมิตรและการแบ่งปัน เป็นเดือนที่มักเต็มไปด้วยความสัมพันธ์ทางสังคมและการทำงานร่วมกัน

กรกฎาคม

เดือน “กรกฎาคม” มาจากคำว่า “กรกฎ” ซึ่งหมายถึง “ปู” ปูเป็นสัญลักษณ์ของการเคลื่อนไหวไปข้างหน้าและข้างหลัง ซึ่งสะท้อนถึงการตระหนักถึงอดีตและการมองไปยังอนาคต เดือนนี้เป็นช่วงเวลาที่ประเทศไทยอยู่ในช่วงฤดูฝนและการเก็บเกี่ยว

สิงหาคม

“สิงหาคม” มาจากคำว่า “สิงห์” หมายถึง “สิงโต” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่งและความเป็นผู้นำ ราศีสิงห์ถือว่าเป็นราศีแห่งความมั่นใจและการแสดงออกถึงพลังอำนาจ

กันยายน

เดือน “กันยายน” มาจากคำว่า “กันย์” ซึ่งแปลว่า “หญิงสาว” หรือ “บริสุทธิ์” สัญลักษณ์ของราศีกันย์ เป็นเดือนที่เกี่ยวข้องกับความบริสุทธิ์และความงดงาม และเป็นช่วงเวลาที่ชาวนาทำงานหนักในท้องนา

ตุลาคม

“ตุลาคม” มาจากคำว่า “ตุลา” ซึ่งแปลว่า “ตาชั่ง” เป็นสัญลักษณ์ของความสมดุล ราศีตุลย์ในจักรราศีแสดงถึงความยุติธรรมและความเท่าเทียม

พฤศจิกายน

เดือน “พฤศจิกายน” มาจากคำว่า “พฤศจิก” ซึ่งหมายถึง “แมงป่อง” เป็นสัญลักษณ์ของราศีพิจิก ซึ่งแสดงถึงความลึกซึ้งและพลังที่ซ่อนอยู่ เดือนนี้เป็นช่วงเวลาที่หลายคนเริ่มสะท้อนถึงการสิ้นสุดของปีและการเตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลง

ธันวาคม

“ธันวาคม” มาจากคำว่า “ธนู” หมายถึง “คันธนู” ราศีธนูเป็นราศีสุดท้ายของจักรราศี สื่อถึงการตั้งเป้าหมายและการพุ่งไปข้างหน้า เดือนธันวาคมเป็นเดือนแห่งการเฉลิมฉลองและการสรุปผลงานของปีที่ผ่านมา

สรุป

ชื่อเดือนในภาษาไทย มีความหมายที่ลึกซึ้งและสอดคล้องกับวัฒนธรรม ความเชื่อ และวิถีชีวิตของคนไทย ชื่อเดือนทั้ง 12 เดือนนี้ไม่เพียงแต่เป็นเครื่องมือในการบอกเวลา แต่ยังสะท้อนถึงความเชื่อมโยงระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติและจักรวาล